![]() |
||||||||||
|
||||||||||
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() สภาพอากาศประจำวัน ![]()
ที่
Aix-en-Provence
การติดต่อที่จำเป็น ลิงค์เพื่อนบ้าน |
เปิดตัวไปแล้วกับ หญ้าแห้วหมวย แต่ไม่รู้เขียนไปเขียนมาอีท่าไหน พี่อิ๊กกึ บอกอนรกแตกของเรา ถึงเปลี่ยนชื่อผมจาก หญ้าแห้วหมวย เป็น หมาแห้วหมวย !!! พอเปิดตัวไป มีฟีดแบ็กกลับมามากมายเกินคาด ส่วนใหญ่จะถามมาว่าไอ้ หญ้าแห้ว-หมวย มันคืออะไร แหม....ชื่อมันก็บอกอยู่แล้วครับว่า มันมาจากชีวิต(รัก)อันบัดซบของผมเอง แหล่ะ..... (เฮ่อ...) ................................................. จริงๆ แล้ว ผมอยากจะเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับการปฏิรูปการศึกษาบนระบบการเมืองต่อ แต่เขียนไปเขียนมามันรู้สึกหนักกบาลหนาๆ ของผมชะมัด บวกกับความขี้เกียจที่อยู่เป็นเพื่อนหลังขวด Côté du Rhone ทุกคืน จึงขอยกเรื่องการปฏิรูปการศึกษาไปไว้คราวต่อไปละกัน(แต่คราวไหนก็ไม่รู้นะ แล้วแต่อารมณ์คนเขียน) ฉบับนี้จึงอยากเขียนอะไรสบายๆ ไร้สาระไปวันๆ ไม่อยากยุ่งอะไรกับการเมืองไทยที่กำลังดูสับสนหลังจากชาติพัฒน์ฯ ถูกซัลโวออกจากรัฐบาลอย่างไม่ใยดี ในเมื่อฉบับที่แล้วออกแนวรัฐศาสตร์นิดๆ (นอกนั้นไร้สาระ) ฉบับนี้จึงอยากลองเขียนอะไรที่เป็นมานุษยวิทยาดูบ้าง เนอะๆๆ ................................................
หลังจากที่ผมได้มีโอกาสอ่านผลงานการเขียนของอาเจ๊ มิเชล ฟูโก้ นักวิชาการเกย์ควีนชาวฝรั่งเศสผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการแนวคิดยุคโพสโมเดิร์นที่อำลาโลกไปด้วยโรคเอดส์ ถึงเรื่องราวของการแบ่งประเภทของสรรพสิ่งบนโลกเน่าๆ ใบนี้ อาเจ๊ของเราได้ยกตัวอย่างของการแบ่งประเภทของสัตว์ตามแนวคิดจีนโบราณ เช่นสัตว์ของฮ่องเต้ สัตว์หางเป็นพู่ สัตว์เหยียบไหไม่แตกฯลฯ!!! แม่เจ้า...ผมอ่านตอนแรกถึงกับขำก๊ากในห้องสมุดอย่างไม่เกรงกลัวคนข้างๆ จะสรรเสริญบุพการีผมด้วยคำผรุสวาท อาเจ๊ของเราก็เช่นกัน เพราะเราเคยชินกับการแบ่งประเภทสัตว์ตามแนวคิดตะวันตก คือมักแบ่งเป็น 2 ขั้ว เช่นสัตว์บก - สัตว์น้ำ สัตว์มีปีก สัตว์ไม่มีปีก เป็นต้น แล้วไงอารายฟะกับสัตว์เหยียบไหไม่แตก!! นี่ถ้ามีสัตว์จีบหมวยไม่ติด คงมีผมรวมอยู่ด้วยแน่นอน... สำหรับคนที่ไม่ศรัทธาศาสตร์ทางสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา อาจจะว่าทำไมคนจีนถึงติ๊งต๊องงี้ฟะ โอว...มีเคืองนะครับ... มาพูดอย่างนี้กับคนที่เป็นอาหมวยลิซึ่มอย่างผม(และพี่ธีระ) เดือดร้อนต้องออกโรงปกป้องประเทศแม่ของอาหมวยสักหน่อย ................................... จริงๆ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมอาหมวย อาตี๋สมัยก่อน ถึงแบ่งประเภทสัตว์ออกเป็นอย่างนั้น แต่ผมเชื่อว่ายังไงมันก็ต้องมีเหตุผลเบื้องหลังความคิดแบบนี้แน่นอน... เพียงแต่คนนอกอย่างเราๆ เข้าไม่ถึง จะว่าไป การแบ่งประเภทสัตว์ประหลาดๆ ที่ไม่เหมือนทางตะวันตกแบบนี้ ใช่ว่าเมืองไทยของเราจะไม่มี เพียงแต่มองเห็นไม่ค่อยชัด เพราะเราไม่ได้แบ่งให้เห็นอย่างชัดเจนเหมือนสัตว์เหยียบไหไม่แตก!!! ผมจะลองยกตัวอย่างเช่นเรื่องของปลาในบ้านเรา... ถ้าคุณลองสังเกตดู ภาษาบ้านเรานั้น ขอให้อะไรที่มันอยู่ในน้ำตลอดเวลา ตัวยาวๆ มีครีบนิดๆ เราแทบจะเรียกมันว่าปลาหมด ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วบางอย่างมันไม่ใช่ปลา เช่นปลาหมึก... จะว่าไป ผมก็สงสัยชิ...โป๋งมาตั้งแต่เด็กแล้วว่า ทำไมเราเรียกเจ้าตัวที่รูปร่างเหมือนศิวลึงค์ขยับได้ใต้น้ำนี้ว่า ปลาหมึก เพราะเวลาผมเทียบมันดูกับปลาทู ปลาช่อน ปลาริวกิว ฯลฯ แล้ว มันไม่ยักกะเหมือนปลาแฮะ... แล้วทำไมเราต้องเรียกมันว่าปลา?? ลองจินตนาการว่าคุณเป็นคนอเมริกัน 108 ท่า มาเรียนภาษาไทย....ขณะที่อาจารย์สอนว่า fish (le poisson) แปลว่าปลา Snake fish ปลาช่อน Cat fish ปลาดุก อา....พอรับได้ พอรับได้...เพราะมันยังดูเหมือน fish ในความคิดของเขา แต่พอมาถึง Squid (le calmar) แปลว่าปลาหมึก!!! พระเจ้า.... อะไรกันมั่วแล้วยู มันเป็นปลาซะที่หนาย!!!! ยึดอิรักมาหน้าด้านๆ ได้แล้วอย่าเถียงเลยคุณ ปลาหมึกมันเป็นปลา เพราะมันอยู่ในน้ำ ว่ายน้ำได้ ไม่ให้เรียกปลาแล้วจะให้เรียกอะไร(เล่าโว้ยย..) เออ...จริง..มันอาศัยอยู่ในน้ำ แต่ยูเห็นมันหายใจทางเงือกบ้างไหมเล่า แล้วเวลาแดก เอ๊ย!! กินน่ะ ก้างปลาหมึกมันมีให้ติดคอยูบ้างหรือเปล่า...โด่.. ก็มันอาศัยอยู่ในน้ำ ต้องทำประมงถึงจะได้มันมากิน ไม่ใช่ทำนาปรังแล้วจะได้ปลาหมึกมากินซะที่ไหนล่ะ...ไอ้บ้า... เถียงกันไปเถอะครับ... สุดท้ายคงลงเอยด้วยการต่อยกัน เพราะคุณมะกันก็คงไม่เข้าใจเบื้องหลังของคำว่าปลาหมึกของคนไทยคืออะไร ส่วนคนไทย ก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าฝรั่งมังค่าเขาจะคิดอะไรเมื่อได้ยินคำว่า Squid สำหรับผม พอพูดถึงทั้ง Squid ทั้งปลาหมึก ภาพเบื้องหลังที่ผุดขึ้นมาคือปี่สก๊อตร้อยใบ ฉลากดำ เพราะทั้งปลาหมึก ทั้ง Squid เป็นกับแกล้มที่ทั้งชุบแป้งทอด ทั้งย่าง ก็อร่อยนักแล....
อา....ครับ....ถ้าเกิดจะพูดให้ดูซีเรียสขึ้นมานิดนึง จริงๆ
แล้วตามหลักวิทยาศาสตร์ตะวันตกนั้น ปลาหมึกเป็นสัตว์ตระกูลหอยครับ (หอยจริงๆ
อย่าหักมุม) แต่สำหรับวิทยาศาสตร์ไทยโบราณ ปลาหมึกเป็นสัตว์ประเภทปลาครับ เพราะมันอาศัยอยู่ในน้ำ ถามว่าคนไทยผิดเรอะ??? คำตอบคือ...ไม่... ก็เวลาคุณเดินเข้าไปในตลาดสดแล้วหยิบปลาหมึกขึ้นมาดูเล่นสักพวง คุณเคยคิดมั้ยว่ามันเป็นหอย บ้า...บ้าที่สุด... คุณลองเดินไปสั่งแม่ค้า ป้า...หอยหมึกโลนึง.. ขี้คร้านจะโดนกิโลเขวี้ยงกบาลออกมา แล้วคุณก็จะคิดเหมือนกัน หลังจากคุณสงสัยว่าทำไมจีนโบราณถึงมีสัตว์เหยียบไหไม่แตกว่าฝรั่งนี่ก็ติ๊งต๊องเนอะ มองยังไง ดูปลาหมึกเป็นหอย...
ส่วนผม...ปลาหมึกเป็นสัตว์มีชนชั้นครับ เพราะแถวบนสุดนั้นโคตรแพง
แต่แกล้มเจ้าปี่ร้อยใบอร่อยชะมัด..
เจ้าเรื่องปลานี่จริงๆ แล้วยังมีอีกหลายตัวอย่างเช่น ปลาดาว ปลาโลมา ปลาวาฬ เป็นต้น ที่เราเห็นเป็นปลาแต่ฝรั่งบอก โนว...และนง ........................................... ไม่ต่างอะไรกับเด็กนอกอย่างเราที่หนีขวานทองสนิมเกรอะกรัง มาเรียนต่างบ้านต่างเมือง ผมก็ไม่ทราบว่าใครจะเป็นเหมือนผมหรือเปล่า แต่ผมมักมีปัญหากับการอ่านหนังสือที่เขียนขึ้นจากแนวความคิด วัฒนธรรม จริยธรรม มโนธรรม กระบวนทัศน์ ที่ต่างจากบ้านเรา อย่างเช่น ผมอ่านประวัติเรื่องราวกษัตริย์ของเนปาล แล้วไปเจอคำว่า เลวเหมือนค้างคาว พระเจ้า ทำไมต้องค้างคาวด้วย?? ถ้าผมไม่รู้ว่ามีนิทานปรัมปราของเนปาลที่พูดถึงการต่อสู้ของสัตว์บนพื้น กับสัตว์บนฟ้า ซึ่งนิทานเรื่องนี้ค้างคาวเป็นสัตว์ที่กลับกลอก พอสัตว์บนฟ้าชนะมันก็บอกว่ามันเป็นสัตว์บนฟ้า พอสัตว์บนพื้นชนะ มันก็บอกว่าเป็นสัตว์บนพื้น การเลวเหมือนค้างคาวของคนเนปาลจึงให้ความรู้สึกที่ชั่วถึงกระดูกไขข้อ แต่เราจะไม่รู้สึกอย่างนั้น ถ้าเราใช้กระบวนทัศน์ของคนไทยไปอ่าน ใยทางกลับกัน คนเนปาลก็คงไม่อินกับคำว่า เลวเหมือนหมา มันแล้วยังไง ซึ่งหลายครั้งก็เป็นปัญหาสำหรับเด็กไทยที่เรียนอยู่เมืองนอก แล้วต้องการสื่อความคิดผ่านภาษาที่ไม่ใช่ภาษาพ่อภาษาแม่ และหลายครั้งที่เด็กไทยตกม้าตายม่องเท่งง่ายๆ เพราะมีความรู้สึกกับความหมายของคำที่แตกต่างกันกับประเทศไทยตนไปเรียน เช่นคำง่ายๆ ว่า วัฒนธรรมอันดีงาม เด็กไทยหลายคนไปร่ำเรียนเมืองนอกเมืองนา ทำรายงานส่งอาจารย์ วัฒนธรรมอันดีงาม เช่นการรักนวลสงวนตัว การไม่ถกเถียงผู้ใหญ่ ฯลฯ แน่นอนครับ...อาจารย์หัวทองแกจะตอกกลับพร้อมตัว F แล้วถามต่อว่า อารายของเอ็ง... รักนวลสงวนตัวคืออะไร เรื่องเซ็กซ์เป็นเรื่องธรรมชาติ จะไปห้ามกันทำไม แล้วอีกอย่างมันเป็นเรื่องของเรา คุณไปเกี่ยวอะไร แล้วนี่อะไร...นี่อาราย...ไม่ถกเถียงผู้ใหญ่ คุณเป็นพวกเผด็จการหรือไง...ถ้าคุณมีเหตุผลก็เถียงไปสิ คนที่นี่เขารับฟังเหตุผลของทุกๆ คนอยู่แล้ว การที่ต้องทำตามที่ผู้ใหญ่พูดทุกอย่างมันเป็นวัฒนธรรมอันดีงามหรือไง.... นี่แค่คำง่ายๆ นะครับ...ถ้าไปเจอแบบ โลกาภิวัตน์ ทุนนิยม ประเทศโลกที่สาม พันธมิตรใกล้ชิดนอกนาโต้ ทุนทางสังคม ประชาสังคม ยุคมืด ยุคเรเนอซองซ์ ยุคสมัยใหม่ ยุคหลังสมัยใหม่ ฯลฯ ต้องระวังให้ดีในการตีความตามกระบวนทัศน์ที่ผู้เขียนหรือผู้สอนต้องการ อย่าใช้ความรู้สึก และกระบวนทัศน์ส่วนตัวพาเข้ารกเข้าพง .......................................... ตั้งแต่ผมสำเหนียกเรื่องราวของกระบวนทัศน์และแนวความคิดของคำในแต่ละสังคมที่แตกต่างกัน ทำให้ผมรู้สึกอย่างหนึ่งว่า คำทุกคำดูจะมีความหมายต่างกันในแต่ละสังคมยังก็ไม่รู้ ขึ้นอยู่กับกรอบแนวคิดของแต่ละสังคมนั้น ถ้าเป็นเช่นนั้น คำว่าฉันรักเธอหรือ ผมรักคุณ กับ I love you ก็อาจจะมีความหมายคนละแบบ หรือถ้าพูด Je taime กับ Ich liebe dich ก็คงจะไม่เหมือนกันที่เดียว... แล้วนี่ถ้าผมอยากจะพูด หว่อ อ้าย หนี่ กะอาหมวยสักคน ไม่แคล้วผมคงต้องนั่งศึกษาประวัติศาสตร์ ปรัชญา และแนวความคิดจีนโบราณจนถึงปัจจุบันก่อนหรือเปล่าก็ไม่รู้...(เฮ่อ...)
(กลับข้างบน) / (กลับไป salon d'Aix) / (กลับไปหน้าแรก)
|