ศัพท์กฎหมายฝรั่งเศส

Internet pour le droit

เรื่องอยากเล่า

Salon d'Aix

webboard

คุยกับดอกแก้ว

จดหมายเหตุ


ดู TV ฟังวิทยุ อ่าน นสพ.
การ Set เพื่อพิมพ์ไทย
โทรกลับไทย IRADIUM
โทรกลับไทย Telerabais

ที่ตั้งและแผนที่ Aix
การเดินทางและตารางรถ

ตารางรถประจำทางใน AIX
ตารางรถไป Marseille และ Plan de campagne
ตารางรถPays d'Aix ไป Plan
    สภาพอากาศประจำวัน
    ที่ Aix-en-Provence


Webboard

Thaiaixois Gallery
ศัพท์กฎหมายฝรั่งเศส
Internet pour le droit
เรื่องอยากเล่า (วิชาการ)
สภากาแฟ Salon d'Aix
คุยกับดอกแก้ว
จดหมายเหตุ
ส่ง e-cartes  virtuelles d'Aix-en-Provence

(กระทู้)การขอทุนเรียนที่ฝรั่งเศส

การปรับหลักสูตรมหาวิทยาลัยของฝรั่งเศส

คู่มือศึกษาต่อในประเทศฝรั่งเศส (โดยสารสนเทศการศึกษาต่อต่างประเทศ)

คู่มื่อเลือกมหาวิทยาลัยในฝรั่งเศส( Guide Lamy des 3es cycles)

โรงเรียนสอนภาษาฝรั่งเศส IEFEE


มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในฝรั่งเศส

มหาวิทยาลัยใน Aix
Université de Provence 
Université de la Mediterranee

Université Paul Cézanne (Universitéde Droit, d'Economie et des Sciences d'Aix-Marseille3)

สถาบันศึกษาอื่น


ที่พักอาศัย
 - ที่พักของมหาวิทยาลัย
( CROUS)

ที่พักของเอกชน
 
- (Estudines)
 
-  (Citadine)  
 -
หาที่พักกับ adele.org
 - หาที่พักกับ office de tourisme
 - พักที่บ้านพักเยาวชน(Auberge de jeunesse)

การขอเงินช่วยเหลือค่าที่พัก(CAF)


การติดต่อที่จำเป็น

การติดต่อขอใบอนุญาตพักอาศัยในประเทศ(Carte de sejour)
 - เอกสารที่ต้องใช้ 1/ 2 /3
 - ติดต่อ
Prefecture des Bouches-du-Rhone
 - (กระทู้Thaiaixoisที่เกี่ยวข้อง)

การประกันสุขภาพ
 - การติดต่อประกันสุขภาพ
Securite sociale)
 - MEP ประกันสุขภาพของนักเรียน(อายุไม่เกิน 25 ปี)
 - Assurance étudiant (อายุไม่เกิน 40 ปี)

อื่น ๆ
 - การทำงานนอกเวลา
 - การต่ออายุหนังสือเดินทาง


ลิงค์เพื่อนบ้าน
Thai Law Reform
สมาคมนักเรียนไทยในรั่งเศส
เพื่อนไทยในเกรอนอบ
เพื่อนไทยในตูลูส
เพื่อนไทยในลียง

ABC-Bittorrent Client โดย pingpong
เพื่อนไทยในเบลเยี่ยม
สำนักงานผู้ดูแลนักเรียนฯ
เล่าข้ามฟ้ากับนาย Baguette
Pokpong's
Nujern's homepage
Café Lunar

Cafe Lunar สาขา 2
Le Journal de TAUNG
Artsstudio

 

               

มะละกอ GMOs ของขวัญจากอเมริกา 

เมอร์ซิเออปองด้า
(ขอเปลี่ยนชื่อจากหญ้าแห้วหมวยนับจากนี้เป็นต้นไป)

 

                และแล้วก็กลับไปกันหมด...

                ผ่านไปแล้วครับ สำหรับมหกรรมกองทัพไทยลัดฟ้าจากเมือง aix อันแสนเศร้าสู่กรุงเทพฯฟ้าอมร คิดว่าหลายๆ คนคงหายคิดถึงผมไปตามๆ กัน (ฮ่าๆๆ.... เอิ๊กๆ..) ขอบคุณพี่ช้าง พี่เกี๊ยง และพี่ธี ที่พาผมไปเปิดหูเปิดตาบนโลกกว้างใบนี้....แต่..ไม่ขอบคุณ บก. มหาประลัยสะท้านโลกันต์อย่าง พี่อิ๊ก(กึคุง) ซึ่งกลับทีหลังชาวบ้านใครเค้าหมด แต่ไม่ออกมาเลี้ยงข้าวผม ผมก็อุตส่าห์ลงทุนโทรไปจิกแล้วจิกอีก แกก็เบี้ยวจนหยดสุดท้าย รู้ตัวอีกทีบินหายกลับ aix ไปแล้ว...ชิ...แบร่..

                ชีวิตเลยกลับเข้าสู่ความวังเวงอีกครั้ง...

                ..............................................................................

 

                และก็ผ่านไปแล้วกับข่าวใหญ่แต่พาดหัวเล็กๆ ที่ไม่มีใครสนใจอย่างการที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไปเซ็นสัญญาอนุญาตให้บริษัทมอนซานโต จากประเทศพญาอินทรีย์ในคราบอีแร้ง

บริษัท มอนซานโต้ มันมาทำอะไร??..

ใครได้ยินชื่อบริษัทนี้ก็คงจะนึกถึงแต่ยาฆ่าแมลง พร้อมโฆษณาเห่ยๆ บนหน้าจอแก้วประมาณว่าซุปเปอร์แมน แบทแมนมาช่วยกันปราบศัตรูพืช หลังๆ เริ่มมีการเอานักร้องลูกทุ่งมาช่วยฆ่าแมลงกันแล้ว

แต่จริงๆ แล้ว เจ้าบริษัทที่ว่านี้ เพิ่งขยายสายการผลิตไปสู่การเป็นบริษัทที่ผลิตพืชพันธุ์ที่ตัดต่อพันธุกรรมหรือ GMOs เมื่อไม่นาน(มาก)มานี้เอง

และการทำสัญญาลับๆ นี้เกิดขึ้นในช่วงที่คนไทยมัวแต่ฉลองเหรียญกีฬาโอลิมปิกกันไม่ลืมหูลืมตา ไม่รู้จะฉลองอะไรกันนักหนา เดี๋ยวคนนู้นจ่าย คนนี้จ่าย พอกระแสใกล้หมดรัฐบาลก็ออกโรงจ่ายออกโรงเลี้ยงอีก เลี้ยงกระแสไปเรื่อยๆ จนคนไม่สนใจการเซ็นสัญญาเงียบกริบ และข่าวก็จมธรณีหายไป ไร้คนเหลียวแล....

                แถมพอเจอข่าวคุณเอกยุทธ ข่าวที่ดินท่านมหาจำลองเข้าไปอีก ข่าวนี้เลยกลายเป็นลม ไร้คนเหลียวแลไปตลอดกาล...สาธุ..

                กลายเป็นผมที่กลับพยายามติดตามข่าวนี้เหมือนคนบ้า ทั้งๆ ที่คนในสังคม(ถูกบังคับกลายๆ ว่า)ไม่(ให้)สนใจ

 

                ............................................................................

 

                สำหรับผม..การนำเข้าเอา GMOs ให้มาอยู่บนผืนแผ่นดินสยามประเทศ แค่ฟังก็ขนลุกเกรียวสยิวกิ้วเหมือนนั่งดูน้องแนทภาคพิสดารอยู่ชั้นสอง ปาวิยง4 ซิเต กาแซลล์

                ทำไมน่ะหรือ...ผมว่าก่อนอื่นเรามา แฟร์ค กองเนสซอง กับมันก่อนดีมั้ย??

                GMOs เป็นชื่อเล่นแม่ตั้งให้ของ Genetic Modified Organisms คุณเกี๊ยง (นามสมมติ) จากสถาบันคิงคองเหล็ก ลอนดอน ผู้เจนจัดบนถนนพันธุวิศวกรรม พันธุเศรษฐศาสตร์ และพันธุกรรมระหว่างประเทศเอเชียตะวันออกไกลภาคปฏิบัติ เคยเปรยถึงคำนิยามของเจ้า GMOs นี้(ไว้เมื่อไหร่ก็ไม่รู้)ว่า คือการนำยีนซึ่งเปรียบเสมือนแม่พิมพ์ของสิ่งมีชีวิตทั้งหลายมาโมดิฟิเย่กันใหม่ เพื่อกำจัดข้อเสียของสิ่งมีชีวิตนั้นออกไป ออกไป และออกไปให้ได้มากที่สุด...เช่น...การสร้างพันธุ์ข้าวโพดที่ทนต่อโรคบางชนิด สร้างพันธุ์ฟักทองให้มีลูกโตผิดปกติ หรือสร้างพันธุ์คนไทยเมือง aix ให้ทนต่อญี่ปุ่น เกาหลี เป็นต้น...

 

                มาถึงตรงนี้...คงจะมีคำถามออกมาว่า...แล้วมันไม่ดีตรงไหนล่ะครับไอ้คุณแพนด้า

                ผมไม่ได้บอกว่ามันไม่ดีนี่ครับ...

                ผมเคยใฝ่ฝันไว้ว่า..สักวันหนึ่งเชอรี่ลูกเล็กๆ แต่ราคาแสนแพงที่กินหมดได้ในเวลาเพียง 0.5649 วินาที มันจะมีลูกโตเท่าสับประรด....

                หรือว่าจะมี...แมวที่นิสัยเหมือนหมาเอาไว้เลี้ยงเล่นๆ ในบ้าน...

                หรือจะมีลูกเป็นลูกครึ่งอิตาลี-ญี่ปุ่น แม้ว่าจะมีเมียเป็นว้าแดงโดยเมียไม่ได้มีชู้แต่อย่างใด...

                นอกเรื่องอีกแล้ว...

                .................................................................

 

                ถึงแม้มันจะมีประโยชน์ต่อโลกมนุษย์บ้าง แต่พอคิดว่ามันจะเข้ามาอยู่ในเมืองไทยใกล้ตัวเรา มันก็น่าวิตกมิใช่น้อย หรือว่าผมจะคิดมากไปคนเดียว..ก็ไม่รู้...

                หลายคนยังเข้าใจอะไรประหลาดๆ กับเรื่อง GMOs อยู่มิใช่น้อย.. หลายคนยังนึกว่าการตัดต่อพันธุกรรมแบบ GMOs นั้นคือการเอากรรไกรเล็กๆ แล้วมาตัดยีนฉับๆๆ โดยมองผ่านกล้องจุลทรรศน์ แล้วเอายีนนู้นมาต่อยีนนี้ ออกมาเป็นแมวมีหัวหมา ช้างมีหัวหมู อะไรเทือกนั้น...

                ใครรู้แล้วก็แล้วไปครับ แต่สำหรับคนที่ยังไม่รู้ แล้วเข้าใจอะไรประหลาดๆ แบบนั้นก็ขอให้หยุดความคิดนั้นได้เลย...

                GMOs นั้นคือการนำเอายีนที่ได้จากแบคทีเรียและไวรัส....(ย้ำอีกทีว่าแบคทีเรียและไวรัส!!!) ซึ่งมันก็คือเชื้อโรคตัวนึงนั่นเอง มาตัดและประกบตัว DNA ของยีน...

                จำได้ไหมครับว่า ตั้งแต่อนุบาลมาแล้ว ที่คุณครูผู้น่ารักน่าเหยียบพร่ำสอนเราว่าโรคติดต่อนั้นโรคติดต่อนี้มีสาเหตุมาจากอะไร...

                และหนึ่งในจำนวนนั้นคือแบคทีเรีย และไวรัส...

                จนถึงปัจจุบันนี้ ก็ไม่เป็นที่เปิดเผยกันเท่าไหร่ว่า การสร้างยีนที่จะนำมาใช้กับกระบวนการ GMOs นั้นเป็นแบคทีเรียและไวรัสชนิดไหน แต่อย่างน้อยไอ้ที่คุณกินเข้าไป คุณก็กินแบคทีเรียและไวรัสเข้าไปด้วย

                จริงอยู่ที่แบคทีเรียบางตัวอาจเป็นประโยชน์ก็ร่างกาย (แต่ไวรัสที่มีประโยชน์ต่อร่างกายนี่...ไม่เคยได้ยินแฮะ...นอกจากจะเอามาทำวัคซีน) แต่ในเมื่อเราไม่รู้ว่าเป็นเชื้อตัวไหน ก็สันนิษฐานไว้ก่อนได้เลยว่า มันเป็นพิษ

                ผิดถูกไม่รู้....แต่แบคทีเรียและไวรัสมันเป็นพิษในตัวอยู่แล้ว ไม่ต้องสงสัยว่าแบคทีเรียและไวรัสทุกตัวเป็นพิษ และที่มันเป็นประโยชน์กับเราก็เพราะว่าเป็นพิษ

                นอกจากจะเป็นพิษแล้ว แบคทีเรียและไวรัสยังสามารถแพร่เชื้อได้ง่ายๆ ตามรูปแบบของการเป็นพาหะของโรคติดต่อทั่วไปได้อีกด้วย

                เท่านั้นยังไม่พอ...อย่างที่ได้พูดมาตั้งแต่ต้น นอกจากมันจะแพร่พันธุ์ได้ง่ายๆ แบบทวีคูณแล้ว อย่าลืมว่ามันถูกออกแบบมาให้ประกบคู่กับยีนของสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ได้อีกด้วย

                ตอนนี้พอนึกออกหรือยังครับว่า ทำไมคนถึงออกมาต่อต้านกันนัก

                ..................................................................................

 

ลองมานึกในกรณีประเทศไทยครับ...

ในสมัยก่อน เทคโนโลยีทางพันธุวิศวกรรมนั้น สามารถตัดต่อยีนสร้างสิ่งมีชีวิตแบบใหม่ได้แค่เพียงในกลุ่มสปีชี่ส์เดียวกันเท่านั้น อย่างเช่นม้ากับลา กลายไปล่อ ซึ่งพอผสมกันอย่างนี้ ล่อจึงเป็นสัตว์ที่มีโครโมโซมที่ไม่ครบ หรือขาดคู่ มันเลยเป็นหมันมาตั้งแต่กำเนิด...(น่าสงสาร) หรือถ้านึกไม่ออกก็ลองนึกถึงแตงโมไม่มีเมล็ด ซึ่งก็คือแตงโมเป็นหมันนั่นเอง

แต่ในปัจจุบัน...เทคโนโลยีด้านนี้พัฒนาไปมาก มากซะจนปัจจุบัน นอกจากว่ามันจะยังสามารถผสมพันธุ์ได้แล้ว มันยังสามารถตัดต่อยีนข้ามสปีชี่ส์ได้อีกด้วย.....โอว..พระเจ้าจอร์จ มันยอดมาก...

แล้วสำหรับประเทศไทยล่ะ

ไม่ต้องบอกก็คงจะรู้กันนะครับว่า ประเทศไทยจัดอยู่ในเขตพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางธรรมชาติและระบบนิเวศน์สูง เมื่อความหลากหลายสูง ความสัมพันธ์ในเชิงนิเวศน์ในระบบสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยก็จะมีสูงและซับซ้อนตามไปด้วย

ฉะนั้นเมื่อเกิดอะไรผิดปกติในระบบนิเวศน์ หรือไม่ต้องระบบนิเวศน์ก็ได้ เอาระบบความสัมพันธ์ธรรมดาๆ นี่แหล่ะ มันจะก่อให้เกิดผลกระทบขึ้นเป็นวงกว้าง และด้วยความที่มันซับซ้อนทำให้ผลกระทบที่เกิดขึ้น มองเห็นได้ยาก บวกกับความสัมพันธ์ทางสังคมสมัยใหม่ ที่มักมีเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้อง อาจจะก่อให้เกิดอะไรประหลาดๆ ขึ้นมาในสังคมได้เสมอ...

เช่น...

ใครจะรู้ว่าการที่เรากินยาไม่หมดตามที่หมอระบุไว้ มีผลทำให้คนทั้งโลกรักษาด้วยยาตัวเดิมไม่หาย..

ผมอาจจะพูดเกินไป จริงทฤษฎีมันง่ายๆ เวลาเรากินยา เรามักคิดว่าเอาแค่เราหาย หายปุ๊บเห็นยาเหลือก็ไม่ยอมกินต่อ ทำให้เชื้อมันยังไม่ถูกกำจัดไปจริงๆ ทำให้มันสามารถพัฒนาพันธุ์ตัวเองตัวเองให้แข็งแรงขึ้นมีความสามารถในการต่อต้านยาตัวนั้น ทำให้ยาอันเดิมรักษาไม่ได้ผล... ทีนี้พอเชื้อที่พัฒนาตัวเองแล้วแพร่พันธุ์ไปล่ะก็นะ....อย่าให้พูดถึงเลย

นอกเรื่องอีกแล้ว...

พูดถึง GMOs ต่อ..

ตามที่ได้ว่ามา ถึงแม้ว่า GMOs ที่เราทำสัญญากับบริษัทมอนซานโต้นั้น จะอยู่แค่ที่มะละกอ แต่อย่าลืมว่า ถ้าเชื้อรุ่นใหม่ หลายแรงม้าที่สามารถผสมข้ามสายพันธุ์หลุดออกมา จะก่อให้เกิดอะไรขึ้น...

การที่หลายฝ่ายที่สนับสนุน GMOs ออกมาบอกว่า หลังจากที่ได้ทดลองกันแล้ว พบว่ามันได้ผลและไม่มีอันตรายใดๆ นั้นถูกต้องครับ....

แต่มันเป็นผลทดลองในห้องทดลองครับ

การทดลองให้ห้องทดลองคือระบบปิด คุมตัวแปรได้...

แล้วถ้ามันมาอยู่ในระบบเปิดล่ะ...

อึ้งแด..ก..ครับ....ตอบไม่ได้...บอกไม่ถูก

ยังไม่มีผลการทดลองอันไหนออกมายืนยันความปลอดภัยในการปลูกพืช GMOs ในระบบเปิดครับ ไม่ต้องพูดถึงความปลอดภัยก็ได้ครับ พูดถึงการเปลี่ยนแปลงในสิ่งแวดล้อมก็ได้...

ลองตั้งโจทก์กับจำเลย เป็นโจทย์ตุ๊กตาปริศนาพาโชคแบบนักกฎหมายก็ได้...

ถ้า...มีพืช A ที่เป็นพืช GMOs กับพืช B ที่เป็นพืชในธรรมชาติ อยู่ในสิ่งแวดล้อมเดียวกันในระบบเปิด

พืช A นั้น ได้รับการออกแบบให้มีพันธุ์ที่ทนต่อแบคทีเรีย X ส่วนพืช B นั้นเป็นพันธุ์ที่จำเป็นต้องใช้แบคทีเรีย x เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างอาหาร

วันหนึ่งเกสรของพืช A ถูกลมบ้าหมูพัด(ในห้องทดลองคงไม่มีลมบ้าหมูหรอกนะ..) ทำให้เกสรของพืช A ไปตกใส่ในเกสรของพืช B ซึ่งปกติไม่น่าจะมีผลอะไร เพราะพืชทั้งสองอยู่คนละสายพันธุ์ และเหตุการณ์เหล่านี้เกิดอยู่เป็นประจำในระบบเปิด

แต่เผอิ๊ญ... พืช A ที่เป็น GMOs นั้นดันมียีนที่ผสมข้ามสายพันธุ์ได้ และโดนเกสรพืช A ยัดเยียดความเป็นสามี(ข่มขืน)ประกบยีนกับพืช B เป็นที่เรียบร้อย

พืช A ไม่มีผลใดๆ....แต่พืช B ดิ ที่ต้องการแบคทีเรีย X ในการสร้างอาหาร บัดนี้กลายเป็นตัวมันเองที่มีกลไกการต่อต้านแบคทีเรีย X เฉยเลยโดยที่มันไม่ต้องการ ผลก็คือ....พืช B ตาย...และอาจสูญพันธุ์ไปในที่สุด....

ดูแล้วเหมือนติดเอดส์ยังไงก็ไม่รู้...

พอพูดตัวหนึ่งสูญพันธุ์คงไม่ต้องพูดถึงความเปลี่ยนแปลงมหาศาลในระบบนิเวศน์นะครับ...คงพอจินตนาการกันได้

นอกจากนี้ ความเลวร้ายของ GMOs ในปัจจุบันที่รัฐบาลไทยหวังแค่เพียงผลประโยชน์ของใครบางคนแอบเซ็นสัญญาไป ก็ยังไม่หมดเพียงเท่านี้...

คุณลองคิดดูครับว่า หากมันดันประสบความสำเร็จกับมะละกอของเราจริงๆ คิดเหรอครับว่า มันจะให้พันธุ์เรา ชิ...ไม่มีทาง.... มันก็คงเอาไปจดสิทธิบัตรมะละกอ เอาไปปลูกเองที่บ้านมัน ปลูกส่งออกซักแสนไร่ เราก็คงส่งออกมะละกอไม่ได้ตลอดไป แถมจะส่งออกก็มีครหาอีกว่ามะละกอเราจะปนเปื้อน GMOs หรือเปล่า เพราะอเมริกามาขี้ทิ้งไว้ทั้งในระบบสิ่งแวดล้อม และระบบเศรษฐกิจ...เฮ่อ..คนซวยคือเกษตรกร...(อีกแล้วครับท่าน..)

อีกหน่อย ไม่รู้ว่าการปลูกมะละกอในรั้วบ้านนี่ต้องแทงเรื่องไปที่ศาลโลกหรือเปล่า..ก็ไม่รู้..

และอย่างสุดท้าย...ไอ้บริษัทมอนซานโต้เนี่ย...ใครๆ ก็รู้อยู่แล้วว่ามันทำอะไรมาก่อน คุณคิดว่ามันมาเริ่มกิจการตัดต่อพันธุกรรมเพราะแค่ต้องการขยายสายการผลิตแค่นั้นเหรอ...ไม่จริงหรอก

ถ้าผมเป็นผู้บริหารของมันผมคงจะบัญชาให้ลิ่วล้อทั้งหลายพัฒนาสายพันธุ์พืช GMOs ให้มีผลดีต่อยอดขายสินค้าทางการเกษตรอื่นๆ ด้วย..

กล่าวคือ...สร้างพันธุ์พืชที่รับกับฤทธิ์ของยาหรือผลิตภัณฑ์ของบริษัทเท่านั้น ถ้าใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทอื่น ก็ไม่ได้ผล เป็นการบังคับกลายๆ ว่า หากคุณซื้อพันธุ์พืชจากมอนซานโต้ คุณก็ต้องซื้อยาฆ่าแมลงของมอนซานโต้ด้วย เหมือนกับพวกบริษัทออกแบบโปรแกรมกำจัดไวรัสที่เป็นคนปล่อยไวรัสซะเองเพื่อเพิ่มยอดขาย

ถ้าเกิดไทยต้องซื้อพันธุ์พืชจากมอนซานโต้ด้วย เราก็คงต้องเป็นทาสมันไปตลอดกาล..สาธุ...

...............................................................

 

ฉบับนี้อ่านแล้วเครียดๆ เนอะ ไม่ค่อยได้กัดใครเลย... จริงๆ แล้วผมนอกเรื่องทั้งฉบับเลยนะเนี่ย(มือมันพามาเอง) เพราะจริงๆ อยากจะพูดถึงการช่วยกันติดตามข่าวอะไรที่มีผลต่อประเทศไทยกันหน่อย ไม่ใช่ปล่อยให้ใครทำอะไรลับๆ ล่อๆ ในประเทศ

ไม่งั้น..เดี๋ยว....จะได้พาไปล่อ(กบาล)ในที่ลับๆ...                           

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทความ

                                

(กลับไปหน้าแรก) / (กลับไปหน้าแรก salon)

สงวนลิขสิทธิ์ © 2003 
งานเขียนแต่ละชิ้นเป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียนแต่ละท่าน