|
|||||||||||
ดู TV
ฟังวิทยุ อ่าน นสพ. การ Set เพื่อพิมพ์ไทย โทรกลับไทย IRADIUM โทรกลับไทย Telerabais ที่ตั้งและแผนที่ Aix การเดินทางและตารางรถ ตารางรถประจำทางใน AIX ตารางรถไป Marseille และ Plan de campagne ตารางรถPays d'Aix ไป Plan สภาพอากาศประจำวัน
ที่
Aix-en-Provence
(กระทู้)การขอทุนเรียนที่ฝรั่งเศส
ที่พักอาศัย
การติดต่อที่จำเป็น ลิงค์เพื่อนบ้าน |
มะละกอ GMOs ของขวัญจากอเมริกา
เมอร์ซิเออปองด้า
และแล้วก็กลับไปกันหมด... ผ่านไปแล้วครับ สำหรับมหกรรมกองทัพไทยลัดฟ้าจากเมือง aix อันแสนเศร้าสู่กรุงเทพฯฟ้าอมร คิดว่าหลายๆ คนคงหายคิดถึงผมไปตามๆ กัน (ฮ่าๆๆ.... เอิ๊กๆ..) ขอบคุณพี่ช้าง พี่เกี๊ยง และพี่ธี ที่พาผมไปเปิดหูเปิดตาบนโลกกว้างใบนี้....แต่..ไม่ขอบคุณ บก. มหาประลัยสะท้านโลกันต์อย่าง พี่อิ๊ก(กึคุง) ซึ่งกลับทีหลังชาวบ้านใครเค้าหมด แต่ไม่ออกมาเลี้ยงข้าวผม ผมก็อุตส่าห์ลงทุนโทรไปจิกแล้วจิกอีก แกก็เบี้ยวจนหยดสุดท้าย รู้ตัวอีกทีบินหายกลับ aix ไปแล้ว...ชิ...แบร่.. ชีวิตเลยกลับเข้าสู่ความวังเวงอีกครั้ง... ..............................................................................
และก็ผ่านไปแล้วกับข่าวใหญ่แต่พาดหัวเล็กๆ ที่ไม่มีใครสนใจอย่างการที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไปเซ็นสัญญาอนุญาตให้บริษัทมอนซานโต จากประเทศพญาอินทรีย์ในคราบอีแร้ง บริษัท มอนซานโต้ มันมาทำอะไร??.. ใครได้ยินชื่อบริษัทนี้ก็คงจะนึกถึงแต่ยาฆ่าแมลง พร้อมโฆษณาเห่ยๆ บนหน้าจอแก้วประมาณว่าซุปเปอร์แมน แบทแมนมาช่วยกันปราบศัตรูพืช หลังๆ เริ่มมีการเอานักร้องลูกทุ่งมาช่วยฆ่าแมลงกันแล้ว แต่จริงๆ แล้ว เจ้าบริษัทที่ว่านี้ เพิ่งขยายสายการผลิตไปสู่การเป็นบริษัทที่ผลิตพืชพันธุ์ที่ตัดต่อพันธุกรรมหรือ GMOs เมื่อไม่นาน(มาก)มานี้เอง และการทำสัญญาลับๆ นี้เกิดขึ้นในช่วงที่คนไทยมัวแต่ฉลองเหรียญกีฬาโอลิมปิกกันไม่ลืมหูลืมตา ไม่รู้จะฉลองอะไรกันนักหนา เดี๋ยวคนนู้นจ่าย คนนี้จ่าย พอกระแสใกล้หมดรัฐบาลก็ออกโรงจ่ายออกโรงเลี้ยงอีก เลี้ยงกระแสไปเรื่อยๆ จนคนไม่สนใจการเซ็นสัญญาเงียบกริบ และข่าวก็จมธรณีหายไป ไร้คนเหลียวแล.... แถมพอเจอข่าวคุณเอกยุทธ ข่าวที่ดินท่านมหาจำลองเข้าไปอีก ข่าวนี้เลยกลายเป็นลม ไร้คนเหลียวแลไปตลอดกาล...สาธุ.. กลายเป็นผมที่กลับพยายามติดตามข่าวนี้เหมือนคนบ้า ทั้งๆ ที่คนในสังคม(ถูกบังคับกลายๆ ว่า)ไม่(ให้)สนใจ
............................................................................
สำหรับผม..การนำเข้าเอา GMOs ให้มาอยู่บนผืนแผ่นดินสยามประเทศ แค่ฟังก็ขนลุกเกรียวสยิวกิ้วเหมือนนั่งดูน้องแนทภาคพิสดารอยู่ชั้นสอง ปาวิยง4 ซิเต กาแซลล์ ทำไมน่ะหรือ...ผมว่าก่อนอื่นเรามา แฟร์ค กองเนสซอง กับมันก่อนดีมั้ย??
GMOs เป็นชื่อเล่นแม่ตั้งให้ของ Genetic Modified Organisms คุณเกี๊ยง (นามสมมติ) จากสถาบันคิงคองเหล็ก ลอนดอน ผู้เจนจัดบนถนนพันธุวิศวกรรม พันธุเศรษฐศาสตร์ และพันธุกรรมระหว่างประเทศเอเชียตะวันออกไกลภาคปฏิบัติ เคยเปรยถึงคำนิยามของเจ้า GMOs นี้(ไว้เมื่อไหร่ก็ไม่รู้)ว่า คือการนำยีนซึ่งเปรียบเสมือนแม่พิมพ์ของสิ่งมีชีวิตทั้งหลายมาโมดิฟิเย่กันใหม่ เพื่อกำจัดข้อเสียของสิ่งมีชีวิตนั้นออกไป ออกไป และออกไปให้ได้มากที่สุด...เช่น...การสร้างพันธุ์ข้าวโพดที่ทนต่อโรคบางชนิด สร้างพันธุ์ฟักทองให้มีลูกโตผิดปกติ หรือสร้างพันธุ์คนไทยเมือง aix ให้ทนต่อญี่ปุ่น เกาหลี เป็นต้น...
มาถึงตรงนี้...คงจะมีคำถามออกมาว่า...แล้วมันไม่ดีตรงไหนล่ะครับไอ้คุณแพนด้า ผมไม่ได้บอกว่ามันไม่ดีนี่ครับ... ผมเคยใฝ่ฝันไว้ว่า..สักวันหนึ่งเชอรี่ลูกเล็กๆ แต่ราคาแสนแพงที่กินหมดได้ในเวลาเพียง 0.5649 วินาที มันจะมีลูกโตเท่าสับประรด....
หรือว่าจะมี...แมวที่นิสัยเหมือนหมาเอาไว้เลี้ยงเล่นๆ ในบ้าน... หรือจะมีลูกเป็นลูกครึ่งอิตาลี-ญี่ปุ่น แม้ว่าจะมีเมียเป็นว้าแดงโดยเมียไม่ได้มีชู้แต่อย่างใด... นอกเรื่องอีกแล้ว... .................................................................
ถึงแม้มันจะมีประโยชน์ต่อโลกมนุษย์บ้าง แต่พอคิดว่ามันจะเข้ามาอยู่ในเมืองไทยใกล้ตัวเรา มันก็น่าวิตกมิใช่น้อย หรือว่าผมจะคิดมากไปคนเดียว..ก็ไม่รู้... หลายคนยังเข้าใจอะไรประหลาดๆ กับเรื่อง GMOs อยู่มิใช่น้อย.. หลายคนยังนึกว่าการตัดต่อพันธุกรรมแบบ GMOs นั้นคือการเอากรรไกรเล็กๆ แล้วมาตัดยีนฉับๆๆ โดยมองผ่านกล้องจุลทรรศน์ แล้วเอายีนนู้นมาต่อยีนนี้ ออกมาเป็นแมวมีหัวหมา ช้างมีหัวหมู อะไรเทือกนั้น... ใครรู้แล้วก็แล้วไปครับ แต่สำหรับคนที่ยังไม่รู้ แล้วเข้าใจอะไรประหลาดๆ แบบนั้นก็ขอให้หยุดความคิดนั้นได้เลย... GMOs นั้นคือการนำเอายีนที่ได้จากแบคทีเรียและไวรัส....(ย้ำอีกทีว่าแบคทีเรียและไวรัส!!!) ซึ่งมันก็คือเชื้อโรคตัวนึงนั่นเอง มาตัดและประกบตัว DNA ของยีน... จำได้ไหมครับว่า ตั้งแต่อนุบาลมาแล้ว ที่คุณครูผู้น่ารักน่าเหยียบพร่ำสอนเราว่าโรคติดต่อนั้นโรคติดต่อนี้มีสาเหตุมาจากอะไร... และหนึ่งในจำนวนนั้นคือแบคทีเรีย และไวรัส... จนถึงปัจจุบันนี้ ก็ไม่เป็นที่เปิดเผยกันเท่าไหร่ว่า การสร้างยีนที่จะนำมาใช้กับกระบวนการ GMOs นั้นเป็นแบคทีเรียและไวรัสชนิดไหน แต่อย่างน้อยไอ้ที่คุณกินเข้าไป คุณก็กินแบคทีเรียและไวรัสเข้าไปด้วย จริงอยู่ที่แบคทีเรียบางตัวอาจเป็นประโยชน์ก็ร่างกาย (แต่ไวรัสที่มีประโยชน์ต่อร่างกายนี่...ไม่เคยได้ยินแฮะ...นอกจากจะเอามาทำวัคซีน) แต่ในเมื่อเราไม่รู้ว่าเป็นเชื้อตัวไหน ก็สันนิษฐานไว้ก่อนได้เลยว่า มันเป็นพิษ ผิดถูกไม่รู้....แต่แบคทีเรียและไวรัสมันเป็นพิษในตัวอยู่แล้ว ไม่ต้องสงสัยว่าแบคทีเรียและไวรัสทุกตัวเป็นพิษ และที่มันเป็นประโยชน์กับเราก็เพราะว่าเป็นพิษ นอกจากจะเป็นพิษแล้ว แบคทีเรียและไวรัสยังสามารถแพร่เชื้อได้ง่ายๆ ตามรูปแบบของการเป็นพาหะของโรคติดต่อทั่วไปได้อีกด้วย เท่านั้นยังไม่พอ...อย่างที่ได้พูดมาตั้งแต่ต้น นอกจากมันจะแพร่พันธุ์ได้ง่ายๆ แบบทวีคูณแล้ว อย่าลืมว่ามันถูกออกแบบมาให้ประกบคู่กับยีนของสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ได้อีกด้วย ตอนนี้พอนึกออกหรือยังครับว่า ทำไมคนถึงออกมาต่อต้านกันนัก ..................................................................................
ลองมานึกในกรณีประเทศไทยครับ... ในสมัยก่อน เทคโนโลยีทางพันธุวิศวกรรมนั้น สามารถตัดต่อยีนสร้างสิ่งมีชีวิตแบบใหม่ได้แค่เพียงในกลุ่มสปีชี่ส์เดียวกันเท่านั้น อย่างเช่นม้ากับลา กลายไปล่อ ซึ่งพอผสมกันอย่างนี้ ล่อจึงเป็นสัตว์ที่มีโครโมโซมที่ไม่ครบ หรือขาดคู่ มันเลยเป็นหมันมาตั้งแต่กำเนิด...(น่าสงสาร) หรือถ้านึกไม่ออกก็ลองนึกถึงแตงโมไม่มีเมล็ด ซึ่งก็คือแตงโมเป็นหมันนั่นเอง แต่ในปัจจุบัน...เทคโนโลยีด้านนี้พัฒนาไปมาก มากซะจนปัจจุบัน นอกจากว่ามันจะยังสามารถผสมพันธุ์ได้แล้ว มันยังสามารถตัดต่อยีนข้ามสปีชี่ส์ได้อีกด้วย.....โอว..พระเจ้าจอร์จ มันยอดมาก... แล้วสำหรับประเทศไทยล่ะ ไม่ต้องบอกก็คงจะรู้กันนะครับว่า ประเทศไทยจัดอยู่ในเขตพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางธรรมชาติและระบบนิเวศน์สูง เมื่อความหลากหลายสูง ความสัมพันธ์ในเชิงนิเวศน์ในระบบสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยก็จะมีสูงและซับซ้อนตามไปด้วย ฉะนั้นเมื่อเกิดอะไรผิดปกติในระบบนิเวศน์ หรือไม่ต้องระบบนิเวศน์ก็ได้ เอาระบบความสัมพันธ์ธรรมดาๆ นี่แหล่ะ มันจะก่อให้เกิดผลกระทบขึ้นเป็นวงกว้าง และด้วยความที่มันซับซ้อนทำให้ผลกระทบที่เกิดขึ้น มองเห็นได้ยาก บวกกับความสัมพันธ์ทางสังคมสมัยใหม่ ที่มักมีเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้อง อาจจะก่อให้เกิดอะไรประหลาดๆ ขึ้นมาในสังคมได้เสมอ... เช่น... ใครจะรู้ว่าการที่เรากินยาไม่หมดตามที่หมอระบุไว้ มีผลทำให้คนทั้งโลกรักษาด้วยยาตัวเดิมไม่หาย.. ผมอาจจะพูดเกินไป จริงทฤษฎีมันง่ายๆ เวลาเรากินยา เรามักคิดว่าเอาแค่เราหาย หายปุ๊บเห็นยาเหลือก็ไม่ยอมกินต่อ ทำให้เชื้อมันยังไม่ถูกกำจัดไปจริงๆ ทำให้มันสามารถพัฒนาพันธุ์ตัวเองตัวเองให้แข็งแรงขึ้นมีความสามารถในการต่อต้านยาตัวนั้น ทำให้ยาอันเดิมรักษาไม่ได้ผล... ทีนี้พอเชื้อที่พัฒนาตัวเองแล้วแพร่พันธุ์ไปล่ะก็นะ....อย่าให้พูดถึงเลย นอกเรื่องอีกแล้ว... พูดถึง GMOs ต่อ.. ตามที่ได้ว่ามา ถึงแม้ว่า GMOs ที่เราทำสัญญากับบริษัทมอนซานโต้นั้น จะอยู่แค่ที่มะละกอ แต่อย่าลืมว่า ถ้าเชื้อรุ่นใหม่ หลายแรงม้าที่สามารถผสมข้ามสายพันธุ์หลุดออกมา จะก่อให้เกิดอะไรขึ้น... การที่หลายฝ่ายที่สนับสนุน GMOs ออกมาบอกว่า หลังจากที่ได้ทดลองกันแล้ว พบว่ามันได้ผลและไม่มีอันตรายใดๆ นั้นถูกต้องครับ.... แต่มันเป็นผลทดลองในห้องทดลองครับ การทดลองให้ห้องทดลองคือระบบปิด คุมตัวแปรได้... แล้วถ้ามันมาอยู่ในระบบเปิดล่ะ... อึ้งแด..ก..ครับ....ตอบไม่ได้...บอกไม่ถูก ยังไม่มีผลการทดลองอันไหนออกมายืนยันความปลอดภัยในการปลูกพืช GMOs ในระบบเปิดครับ ไม่ต้องพูดถึงความปลอดภัยก็ได้ครับ พูดถึงการเปลี่ยนแปลงในสิ่งแวดล้อมก็ได้... ลองตั้งโจทก์กับจำเลย เป็นโจทย์ตุ๊กตาปริศนาพาโชคแบบนักกฎหมายก็ได้... ถ้า...มีพืช A ที่เป็นพืช GMOs กับพืช B ที่เป็นพืชในธรรมชาติ อยู่ในสิ่งแวดล้อมเดียวกันในระบบเปิด พืช A นั้น ได้รับการออกแบบให้มีพันธุ์ที่ทนต่อแบคทีเรีย X ส่วนพืช B นั้นเป็นพันธุ์ที่จำเป็นต้องใช้แบคทีเรีย x เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างอาหาร วันหนึ่งเกสรของพืช A ถูกลมบ้าหมูพัด(ในห้องทดลองคงไม่มีลมบ้าหมูหรอกนะ..) ทำให้เกสรของพืช A ไปตกใส่ในเกสรของพืช B ซึ่งปกติไม่น่าจะมีผลอะไร เพราะพืชทั้งสองอยู่คนละสายพันธุ์ และเหตุการณ์เหล่านี้เกิดอยู่เป็นประจำในระบบเปิด แต่เผอิ๊ญ... พืช A ที่เป็น GMOs นั้นดันมียีนที่ผสมข้ามสายพันธุ์ได้ และโดนเกสรพืช A ยัดเยียดความเป็นสามี(ข่มขืน)ประกบยีนกับพืช B เป็นที่เรียบร้อย พืช A ไม่มีผลใดๆ....แต่พืช B ดิ ที่ต้องการแบคทีเรีย X ในการสร้างอาหาร บัดนี้กลายเป็นตัวมันเองที่มีกลไกการต่อต้านแบคทีเรีย X เฉยเลยโดยที่มันไม่ต้องการ ผลก็คือ....พืช B ตาย...และอาจสูญพันธุ์ไปในที่สุด.... ดูแล้วเหมือนติดเอดส์ยังไงก็ไม่รู้... พอพูดตัวหนึ่งสูญพันธุ์คงไม่ต้องพูดถึงความเปลี่ยนแปลงมหาศาลในระบบนิเวศน์นะครับ...คงพอจินตนาการกันได้ นอกจากนี้ ความเลวร้ายของ GMOs ในปัจจุบันที่รัฐบาลไทยหวังแค่เพียงผลประโยชน์ของใครบางคนแอบเซ็นสัญญาไป ก็ยังไม่หมดเพียงเท่านี้... คุณลองคิดดูครับว่า หากมันดันประสบความสำเร็จกับมะละกอของเราจริงๆ คิดเหรอครับว่า มันจะให้พันธุ์เรา ชิ...ไม่มีทาง.... มันก็คงเอาไปจดสิทธิบัตรมะละกอ เอาไปปลูกเองที่บ้านมัน ปลูกส่งออกซักแสนไร่ เราก็คงส่งออกมะละกอไม่ได้ตลอดไป แถมจะส่งออกก็มีครหาอีกว่ามะละกอเราจะปนเปื้อน GMOs หรือเปล่า เพราะอเมริกามาขี้ทิ้งไว้ทั้งในระบบสิ่งแวดล้อม และระบบเศรษฐกิจ...เฮ่อ..คนซวยคือเกษตรกร...(อีกแล้วครับท่าน..) อีกหน่อย ไม่รู้ว่าการปลูกมะละกอในรั้วบ้านนี่ต้องแทงเรื่องไปที่ศาลโลกหรือเปล่า..ก็ไม่รู้.. และอย่างสุดท้าย...ไอ้บริษัทมอนซานโต้เนี่ย...ใครๆ ก็รู้อยู่แล้วว่ามันทำอะไรมาก่อน คุณคิดว่ามันมาเริ่มกิจการตัดต่อพันธุกรรมเพราะแค่ต้องการขยายสายการผลิตแค่นั้นเหรอ...ไม่จริงหรอก ถ้าผมเป็นผู้บริหารของมันผมคงจะบัญชาให้ลิ่วล้อทั้งหลายพัฒนาสายพันธุ์พืช GMOs ให้มีผลดีต่อยอดขายสินค้าทางการเกษตรอื่นๆ ด้วย.. กล่าวคือ...สร้างพันธุ์พืชที่รับกับฤทธิ์ของยาหรือผลิตภัณฑ์ของบริษัทเท่านั้น ถ้าใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทอื่น ก็ไม่ได้ผล เป็นการบังคับกลายๆ ว่า หากคุณซื้อพันธุ์พืชจากมอนซานโต้ คุณก็ต้องซื้อยาฆ่าแมลงของมอนซานโต้ด้วย เหมือนกับพวกบริษัทออกแบบโปรแกรมกำจัดไวรัสที่เป็นคนปล่อยไวรัสซะเองเพื่อเพิ่มยอดขาย ถ้าเกิดไทยต้องซื้อพันธุ์พืชจากมอนซานโต้ด้วย เราก็คงต้องเป็นทาสมันไปตลอดกาล..สาธุ...
...............................................................
ฉบับนี้อ่านแล้วเครียดๆ เนอะ ไม่ค่อยได้กัดใครเลย... จริงๆ แล้วผมนอกเรื่องทั้งฉบับเลยนะเนี่ย(มือมันพามาเอง) เพราะจริงๆ อยากจะพูดถึงการช่วยกันติดตามข่าวอะไรที่มีผลต่อประเทศไทยกันหน่อย ไม่ใช่ปล่อยให้ใครทำอะไรลับๆ ล่อๆ ในประเทศ ไม่งั้น..เดี๋ยว....จะได้พาไปล่อ(กบาล)ในที่ลับๆ...
(กลับไปหน้าแรก)
/
(กลับไปหน้าแรก
salon) |