![]() |
||||||||||||||
|
||||||||||||||
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() สภาพอากาศประจำวัน ![]()
ที่
Aix-en-Provence
การติดต่อที่จำเป็น ลิงค์เพื่อนบ้าน |
เมื่อพูดถึง ตรรกะ หลายคนได้ยินแล้วจะเริ่มตึงเครียด, บึ้งตึง, เย็นชา และมีอาการ "เคือง" เนื่องจาก มัน จะต้องเป็น อะไรสักอย่าง (ศัพท์ของไฮโซ ตามพจนานุกรมย่านกรุงเทพฯ) ที่ตึงเป๊ะ ร้อย ๆ เรียง ๆ และหลุดออกมาเป็นผลลัพธ์อย่างนั้น ... ได้ยังไงก็ไม่ทราบ ฮ่า ... (นึกถึงน้องดอก...แก้ว นะคะ ! ) บางครั้งผู้ถกเถียงก็พากันน้อยใจในความด้อยวิธีการของความคิด ทำยังไงกูก็คิดไม่เหมือนเขาว่ะ ! ตัวอย่างเช่น เจ้านายคนหนึ่งเคยบอกผมว่า เฮ้ย ... ถ้ารู้ว่าโง่แล้วอย่าขยัน ...ชาวบ้านเขาจะเดือนร้อน อ้าว ...แล้วเมื่อไหร่กูจะฉลาดเล่าว่ะ ... ผมก็นึกในใจต่อไป แต่พอนึกถึงผลที่เกิดขึ้น เมื่อเจ้านายต้องตามแก้ ตามตรวจสอบผลงานของคนโง่แต่ขยันก็พอจะเดาออกได้ว่า มันพอจะมีเค้าเหตุผลหรือตรรกะจากคำพูดนั้นอยู่พอสมควร แล้ว "ตรรกะ" มันคืออะไร พอคิดตามทำตาม ตรรกะ บ๊ะ มันถูกไปหมด ! ทำไมบางคนวิ่งเข้าใส่ ... อย่างแรง เรียกว่า ตรรกะอย่างแรง อย่างที่หนู ๆ บางคนเรียกว่า บ้าพลังค่ะ อย่างไม่รู้สึกอะไร มันเป็นเรื่องธรรมดาหรือ ? เป็นไปได้หรือไม่ว่า คนเราเป็นพวกแอบ ... ตรรกะ (ไม่มีตรรกะให้แอบ ... ไม่ยอมใช้ตรรกะ หรือใช้ไม่เป็น) กับอีกพวกที่ตรรกะล้นเหลือ (ไม่มีตรรกะเพราะใช้ไปหมด) อ้าวแล้วพวกไหนมีตรรกะ ? โกวเล้งเคยบอกว่า เหนือฟ้าย่อมมีฟ้า เหนือกระบี่ย่อมมีใจคู่กระบี่ เหนือใจคู่กระบี่ ย่อมไม่มีกระบี่ กระบี่อยู่ที่ใจ มีตรรกะหรือเปล่า แล้วเหนือกระบี่อยู่ทีใจกลับว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลย เอาละสิพ่อ ... ! ดูเท่ ดูดี ขนาดน๊านนนนน !! แล้วสำหรับภาษิตของนักดื่ม ตับที่ดีต้องแข็งเหมือนหิน มีตรรกะอยู่ไหม ? หรือเป็นแค่เปรียบเปรย ตรรกะ เหตุผล คำเปรียบเทียบเปรียบเปรย การเล่นคำเป็นเรื่องเดียวกันหรือเปล่า ? ขึ้นอยู่กับมุมมอง เจตนา และเป้าหมายของเรื่อง หรือคนพูด ... หรือไม่ ? ตรรกะเป็นเรื่อง objectif หรือ subjectif ดีล่ะ ...? ต้องพูดคำว่า อ่าฮ่า ... บ๊ะ ! กำลังมัน ... แต่ต้องพอก่อน เพราะนึกได้ว่า เรื่องของขี้เมาวันนี้เป็น ตรรกะ ที่เกี่ยวกับ แมงมุมในวงเหล้าครับ (วันหนึ่งในวงเหล้า) แมงมุม (ประเภทเดียวกับที่แสงระวีแสดง ... อูยยย ! ) ไปเกี่ยวกับตรรกะได้อย่างไร ? (ผู้เล่า(เหล้า)แสดงสีหน้าครุ่นคิดพร้อมกับยักคิ้วเพื่อพยายามเปิดตาที่จะปิด ก่อนจะหันไปสั่งถั่วทอดสองจาน แล้วเรียกให้เติมน้ำแกงด้วย) มันเกิดขึ้น ณ ห้องทดลองในชั่วโมงวิทยาศาสตร์ (เสียงกระชุ่นเพื่อเร้าอารมณ์อยากรู้ พร้อมสายตาที่มองไปข้างหน้าอย่างเย็นชา แน่วแน่ ทำให้เพื่อนร่วมวงเริ่มหันมาสนใจ) เรื่องมีอยู่ว่า (ผู้เล่าพูดต่อ) อาจารย์วิทยาศาสตร์ของโรงเรียนประถมมีชื่อแห่งหนึ่ง ต้องการที่จะทดสอบความรู้และตรรกะของนักเรียนที่เก่งที่สุดสามคนของชั้นเรียน ดังนั้น ในวันรุ่งขึ้นจึงเรียกนักเรียนทั้งชั้นพร้อมเด็กทั้งสามคนมาที่ห้องทดลอง กำหนดหัวข้อการหาความรู้และแสดงตรรกะในวันนั้นว่า ให้อธิบาย แมงมุม (ผู้เล่ายกแก้วกระดกเฮือกเดียวหมด...ราวกับโกรธแค้นใครมา โดยดวงตายังจ้องเขม็งไปข้างหน้าเหมือนเดิม ... อ๊ะ ...แม้เหล้าที่หกรดปากก็มิได้ปาดลงแม้แต่น้อย) โดยแต่ละคนต่างต้องไปหาแมงมุมมา และให้อธิบายหรือแสดงความรู้เกี่ยวกับแมงมุมให้อาจารย์และเด็กนักเรียนทั้งห้องฟัง เด็กทั้งสามคนต่างกุลี(coolie รากศัพท์จากภาษาฝรั่งเศสแปลว่า ผู้ใช้แรงงานรับขน) กุจอ(ไร้ราก...ฮืม ! ) ออกวิ่งหายไปกันพักใหญ่(ผู้เล่าลุกไปห้องน้ำ ก่อนนั้นสั่งเหล้าอีกหนึ่งขวดแล้วเซมาเล่าต่อว่า) เด็กคนแรกกลับมาที่ห้องทดลอง พร้อมแมงมุมตัวใหญ่สีดำ รีบบอกอาจารย์ว่า ผมรู้ครับ เด็กพูดอย่างมีชัย แมงมุมคือสัตว์ประเภทหนึ่ง มีแปดขา ตัวสีดำ มันชอบทำให้แม่ผมตกใจกลัว ... อาจารย์ฟังแล้วก็คิดในใจว่า เด็กคนนี้มีการสังเกตที่ดีนะ รู้จักลักษณะทางกายภาพ รู้ว่าแม่ตัวเองกลัวแมงมุม แสดงว่ารู้จักแมงมุมในสองถึงสามแง่มุม แล้วพูดว่า ok. เก่งมาก เอาไปแปดคะแนนเต็มสิบ โดยมีสายตาของทุกคนที่มองอย่างชื่นชม คนที่สองจับได้แมงมุมตัวเล็กกว่า พร้อมหยักไย่ในมือที่มีแมลงอื่นติดอยู่ด้วย วิ่งโล่มาแจ้งว่า ผมรู้ครับ แมงมุมมีทั้งสีดำและสีดำน้อย มันมีแปดขา ต้องชักใยเพื่ออาศัยเป็นกับดักขับแมลงกิน โอ้ ... เก่งมาก เด็กรู้จักเปรียบเทียบ ข้อมูลครบถ้วนพอสมควรดีเดียวเลย รู้ว่าแมงมุมมีหลายประเภท ใช้ใยเพื่อดักจับแมลงเป็นอาหาร อาจารย์กล่าวชมอย่างรู้สึกภูมิใจในลูกศิษย์ของตน ครูให้เธอเก้าคะแนนเต็มสิบจ๊ะ นี่ทุกคนดูตัวอย่างการหาความรู้ และแสดงตรรกะของทั้งสองคนนี้ไว้นะ กล่าวเสร็จก็แทบจะต้องปาดน้ำตาจากความตื้นตันใจในลูกศิษย์ของตน... บ๊ะ (ผู้เล่าเสริมต่อนอกวงว่า อาจารย์ชอบพูดอย่างนี้ เว่อร์อย่างนี้ทุกคนว่ะ ... เอิ๊ก !) คนสุดท้ายกลับมาพร้อมกับแมงมุมตัวขนาดกลางในมือ ยิ้มย่องอย่างภูมิใจว่า ข้านี่รู้จริงกว่าสองคนแรกแน่ ๆ อาจารย์เห็นศิษย์อมยิ้มอยู่จึงกล่าวว่า อ้าว ไหนเธอมีอะไรมาแสดงความรู้เกี่ยวกับแมงมุม เด็กยิ้ม พร้อมแบมืออย่างช้า ๆ ให้แมงมุมเดินออกมาที่โต๊ะ แล้วบอกว่า อาจารย์ดูนะครับ เด็กใช้มือดันแมงมุม (ตอนนี้ผู้เล่าตาปรือใกล้จะนอนเล่าข้างแก้วเหล้าแล้ว) เอ้าเดินหน้า เด็กสั่ง ... แมงมุมก็เดินหน้า เอ้าเดินซ้าย แมงมุมก็เดินขยับไปทางซ้าย เอ้าเดินทางขวา แมงมุมก็ขยับกลับไปทางขวา ไหนถอยหลังซิ แมงมุมตัวดังกล่าวก็ถอยหลังอย่างเชื่องสนิท อาจารย์เริ่มอมยิ้มและคิดในใจว่า เอ้อ เด็กคนนี้มีความสามารถสั่งแมงมุมได้ ... เขารู้จักภาษาแมงมุมเชียวหรือ ? แล้วเธอจะอธิบายแมงมุมว่าอย่างไร อาจารย์ถามต่อ เพื่อน ๆ ก็พากันโห่ร้อง ทึ่งในความสามารถ เด็กยังคงอมยิ้มเหมือนเดิม เขิน ๆ เล็กน้อย แต่ยังไม่ตอบใด ๆ ในขณะเดียวกันก็จับแมงมุมขึ้นมา หักขาแมงมุมทีละขา ๆ จนหมดเกลี้ยง แล้วพูดว่า อาจารย์ดูนะครับ เด็กปล่อยแมงมุมไว้บนโต๊ะเหมือนเดิม แล้วใช้มือสะกิดแมงมุมพร้อมสั่งตามเดิมว่า เอ้าเดินหน้าสิ แมงมุมก็ไม่เดินหน้า เอ้าถอยหลังสิ แมงมุมก็ยังคงนิ่งเหมือนเดิม เด็กสะกิดแมงมุมทางซ้ายและทางขวา เพื่อให้แมงมุมขยับเดินไปทางขวาและซ้ายตามลำดับ แมงมุมก็ยังคงที่ เด็กจึงอมยิ้มเหมือนเดิมและพูดอย่างยืดอกว่า ผมรู้แล้วครับ ว่าแมงมุมมีแปดขา เมื่อมันมีขา ผมสั่งให้มันเดินไปทางไหนมันก็เดินตาม เมื่อมันไม่มีขาผมสั่งให้มันเดินไปทางไหนมันก็ไม่เดินตาม แสดงว่า มันใช้ขาฟังคำสั่งจากผม ถ้าผมหักขามันเมื่อไหร่ มันก็จะหูหนวกครับ อาจารย์ยิ้มจนแก้มปริ น้ำตาแทบไหลพรากเป็นสายทางเหมือนหนังการ์ตูนญี่ปุ่น มือสั่นระริกเล็กน้อย แล้วพูดชมเชยอย่างเสียงดังว่า (ตา...เหลือกเลยค่ะ !) อาจารย์ให้มึงหมดเลยค่ะคะแนน คิดได้ดีจริง ๆ (ใครสั่งใครสอนให้คิดแบบนี้... แดกค่ะ) นิทานเรื่องนี้เป็นสอนคนในวงเหล้าหรือรับน้องใหม่ได้ดี และแม้จะตั้งเป็นประเด็นวงสนทนาเกี่ยวกับปัญหาเรื่อง ตรรกะ ก็เหมาะอย่างยิ่ง (ใครว่าการดื่มจะเป็นโทษอย่างเดียวครับ... เจ้านาย)
(กลับไปข้างบน) / (กลับไป Salon d'Aix) / (กลับไปหน้าแรก)
|