ศัพท์กฎหมายฝรั่งเศส Internet pour le droit เรื่องอยากเล่า (วิชาการ) Salon d'Aix (สภากาแฟ) WEBBOARD จดหมายเหตุ
  ดู TV ฟังวิทยุ อ่าน นสพ.
การ Set เพื่อพิมพ์ไทย
โทรกลับไทย IRADIUM
โทรกลับไทย Telerabais


ที่ตั้งและแผนที่ Aix
ชมภาพเมือง Aix แบบพาโนราม่า 360 องศารอบตัว(คลิ้ก)
การเดินทางและตารางรถ

ตารางรถประจำทางใน AIX
ตารางรถไป Marseille และ Plan de campagne
ตารางรถPays d'Aix ไป Plan
    สภาพอากาศประจำวัน
    ที่ Aix-en-Provence


Webboard

Thaiaixois Gallery
ศัพท์กฎหมายฝรั่งเศส
Internet pour le droit
เรื่องอยากเล่า (วิชาการ)
สภากาแฟ Salon d'Aix
คุยกับดอกแก้ว
จดหมายเหตุ
ส่ง e-cartes  virtuelles d'Aix-en-Provence

การขอทุนเรียนที่ฝรั่งเศส (ดูรายละเอียดได้ที่กระทู้ห้องวิชาการ)

การปรับหลักสูตรมหาวิทยาลัยของฝรั่งเศส(ปีคศ.2004)

คู่มือศึกษาต่อในประเทศฝรั่งเศส (โดยสารสนเทศการศึกษาต่อต่างประเทศ)

คู่มื่อเลือกมหาวิทยาลัยในฝรั่งเศส( Guide Lamy des 3es cycles)

โรงเรียนสอนภาษาฝรั่งเศส IEFEE


มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในฝรั่งเศส

มหาวิทยาลัยใน Aix
Université de Provence 
Université de la Mediterranee

Université Paul Cézanne (Universitéde Droit, d'Economie et des Sciences d'Aix-Marseille3)

สถาบันศึกษาอื่น


ที่พักอาศัย
 - ที่พักของมหาวิทยาลัย
( CROUS)

ที่พักของเอกชน
 
- (Estudines)
 
-  (Citadine)  
 -
หาที่พักกับ adele.org
 - หาที่พักกับ office de tourisme
 - พักที่บ้านพักเยาวชน(Auberge de jeunesse)

การขอเงินช่วยเหลือค่าที่พัก(CAF)


การติดต่อที่จำเป็น

การติดต่อขอใบอนุญาตพักอาศัยในประเทศ(Carte de sejour)
 - เอกสารที่ต้องใช้ 1/ 2 /3
 - ติดต่อ
Prefecture des Bouches-du-Rhone
 - (กระทู้Thaiaixoisที่เกี่ยวข้อง)

การประกันสุขภาพ
 - การติดต่อประกันสุขภาพ
Securite sociale)
 - MEP ประกันสุขภาพของนักเรียน(อายุไม่เกิน 25 ปี)
 - Assurance étudiant (อายุไม่เกิน 40 ปี)

อื่น ๆ
 - การทำงานนอกเวลา
 - การต่ออายุหนังสือเดินทาง


ลิงค์เพื่อนบ้าน
Thai Law Reform
สมาคมนักเรียนไทยในรั่งเศส
เพื่อนไทยในเกรอนอบ
เพื่อนไทยในตูลูส
เพื่อนไทยในลียง

ABC-Bittorrent Client โดย pingpong
เพื่อนไทยในเบลเยี่ยม
สำนักงานผู้ดูแลนักเรียนฯ
เล่าข้ามฟ้ากับนาย Baguette
Pokpong's
Nujern's homepage
Café Lunar

Cafe Lunar สาขา 2
Le Journal de TAUNG
Artsstudio
BioLawCom

   


 

การควบคุมสื่อสิ่งพิมพ์ในประเทศอังกฤษ

จุไรพร  จ้อยเจริญ

 

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทความได้ที่
กระทู้ห้อง "เนื่องมาจากเรื่องอยากเล่า"

 

 

ในปัจจุบันสิทธิในการสื่อสาร(La liberté d’expression) นั้นถูกเรียกร้องมากขึ้นเรื่อยๆ ในประเทศประชาธิปไตย สื่อมวลชนสามารถใช้สิทธิดังกล่าวได้อย่างเสรี จนบางทีลืมไปว่าสิทธิที่ตนใช้นั้นได้ล้ำเส้นไปกระทบสิทธิอื่นๆ  ไม่มีสิทธิใดที่สมบรูณ์  เมื่อเราใช้สิทธิอย่างหนึ่ง สิทธินั้นอาจไปกระทบสิทธิของผู้อื่นก็ได้  เมื่อสิทธิทุกอย่างจึงมีขอบจำกัดดังนั้นจึงเกิดการการควบคุมการใช้สิทธิ บทความนี้จะพูดถึงการควบคุมตรวจสอบการใช้สิทธิของสื่อสิ่งพิมพ์ในประเทศอังกฤษ การการควบคุมตรวจสอบดังกล่าวมีขึ้นเพื่อป้องกันไม่ไห้สิทธิในการสื่อสารนั้นล่วงไปกระทบสิทธิอื่นๆโดยเฉพาะสิทธิส่วนบุคคล สิทธิในชีวิตส่วนตัว(Droit de la vie privée)

 

การควบคุมตรวจสอบของสื่อสิ่งพิมพ์ในประเทศอังกฤษนั้นทำโดยองค์กรวิชาชีพที่เรียกว่า “The Press Complaints Commission”หรือเรียกโดยย่อว่า “The PCC” The PCCเกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 1990โดยยึดแนวความคิดของผู้ตรวจการแผ่นดินมาใช้ ประเทศแรกที่นำแนวคิดนี้มาใช้ได้แก่ สวีเดน ซึ่งเขาได้มีองค์กรดังกล่าวตั้งแต่ปี 1916

 

ตัวองค์กรของ The PCC  ถูกแยกออกเป็นสองส่วนใหญ่และไม่ขึ้นต่อกัน ในส่วนแรกจะประกอบด้วยคณะกรรมการ ซึ่งมีทั้งหมด 17คนและกรรมการเหล่านี้แหละที่เป็นผู้ตัดสินว่าสื่อได้ละเมิดสิทธิของผู้เสียหายหรือไม่ กรรมการก็มาจากสองประเภทอีกคือบุคคลที่ไม่ได้ทำงานที่เกี่ยวข้องกับสื่อเลย อีกประเภทก็คือผู้เชี่ยวชาญทางด้านสื่อสิ่งพิมพ์ หนึ่งในสิบเจ็ดคนนี้จะมีประธานหนึ่งคนซึ่งคนที่เป็นประธานจะต้องไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้นกับธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์  ทั้งนี้เพื่อประกันความเป็นอิสระในการทำงาน ในส่วนนี้ก็จะมีหน่วยย่อยๆอีก (แต่ไม่ใช่กรรมการ17คนนี้) ที่ทำหน้าที่ปรับปรุงโค้ดของ The PCC (คณะกรรมการจะตัดสินโดยใช้โค้ดเป็นหลัก) นอกจากนั้นก็ยังมีหน่วยงานที่ประเมินผลการทำงานของ The PCC โดยจะเน้นประสิทธิภาพและความรวดเร็วของงาน (โดยเฉลี่ยแล้วแต่ละคดีจะไม่เกิน40วัน) แต่ละปีเขาก็จะสรุปผลงานและประมวลผลเพื่อปรับปรุงการทำงานในปีถัดไป ส่วนที่สองขององค์กรนี้ได้แก่ฝ่ายการเงิน ซึ่งได้กล่าวแล้วว่าได้แยกกันอย่างเป็นอิสระกับส่วนของคณะกรรมการ  ฝ่ายการเงินนี้ประกอบด้วยกรรมการ 11 คนซึ่งมีหน้าที่หารายได้ให้กับ The PCCและจัดการแบ่งงบประมาณให้แก่ตัวPCC เงินรายได้ก็ไม่ได้มาจากไหน แต่มาจากสื่อสิ่งพิมพ์นั่นเอง กล่าวคือ สำนักพิมพ์หรือบริษัทใดที่เป็นสมาชิก ก็จะให้เงินอุดหนุนแก่ The PCC ซึ่งสื่อใหญ่ๆและมีชื่อเสียงในอังกฤษล้วนแต่เป็นสมาชิกของ The PCCแทบทั้งหมด

 

The PCC มีคอนเซปของเขาเองได้แก่ « Fast, Free, Fair » เนื่องจากการร้องเรียนต่อ The PCCนั้นไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น และทำได้ง่ายเพียงแค่ส่งสำเนาของสื่อที่ผู้เสียหายคิดว่าละเมิดสิทธิของตนพร้อมทั้งคำอธิบายมาทางไปรษณีย์ หรือจะร้องเรียนผ่านเวปไซด์ก็ได้ การร้องเรียนต่อThe PCC นั้นมีการกำหนดอายุความด้วยคือต้องไม่เกินหนึ่งเดือนหลังจากการตีพิมพ์ข้อความหรือบทความหรือแม้แต่รูปภาพที่ละเมิดต่อผู้เสียหาย การร้องเรียนต่อThe PCCนั้นรวมถึงข้อความหรือบทความตามเวปไซด์ด้วย

 

หากคณะกรรมการของThe PCCได้ตัดสินว่าสิ่งพิมพ์ที่ถูกร้องเรียนได้ละเมิดสิทธิของผู้เสียหายจริง สิ่งพิมพ์ดังกล่าวจะต้องลงบทความเพื่อแก้ไขข่าวและยอมรับว่าเป็นความผิดตนในสิ่งพิมพ์เดิมวันถัดไป รวมถึงต้องส่งจดหมายส่วนตัวไปขอโทษผู้เสียหายด้วย The PCCไม่มีบทลงโทษหากสิ่งพิมพ์ดังกล่าวไม่ปฏิบัติตามแต่ก็ไม่ทำให้เกิดปัญหาเนื่องจากตั้งแต่The PCC เริ่มทำการ ไม่มีสิ่งพิมพ์ใดที่ปฏิเสธที่จะทำตามเงื่อนไขของThe PCC

 

The PCC ได้รับการยอมรับจากภายนอก โดยเห็นได้จากผู้ที่ร้องเรียนซึ่งมีตั้งแต่บุคคลธรรมดา ดารา นักเขียนเช่น  J.K. Rowling ผู้เขียน Harry Potter หรือแม้แต่ราชวงศ์โดยเฉพาะ Princess Dianaของอังกฤษเองก็ร้องเรียนต่อThe PCC   The PCC ยังได้รับการยอมรับจากศาลด้วย โดยเห็นได้จากคดีของAnna Ford ซึ่งเธอร้องเรียนต่อ  The PCC ว่าตนถูกละเมิดสิทธิในชีวิตส่วนตัวโดยหนังสือพิมพ์ แต่The PCCมองว่ากรณีของเธอไม่เป็นการละเมิด เธอไม่เห็นด้วยจึงฟ้องร้องหนังสือพิมพ์ดังกล่าวต่อศาล ศาลไม่รับฟ้องโดยให้เหตุผลว่า คดีดังกล่าวได้ถูกพิจรณาโดยThe PCC ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้มากกว่าศาลเพราะฉะนั้นศาลขอให้ฟังคำตัดสินของ The PCC  และศาลก็ยังคงยืนยันเหตุผลเดียวกันนี้ในคดีถัดมา

The PCCมีเครือข่ายของตนเองในระดับระหว่างประเทศด้วย (มักเป็นประเทศที่ใช้ระบบกฎหมายของอังกฤษ) ซึ่งแต่ละปีเขาก็จะมีการรวมตัวกัน จัดสัมมนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อปรับปรุงระบบการควบคุมจรรยาบรรณนักวิชาชีพในประเทศตน

 

สุดท้ายเราจะมาดูสิ่งที่ The PCC เห็นว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของเขานั่นก็คือโค้ดของเขานั่นเอง The PCC มีโค้ดมาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งและคอยปรับปรุงโค้ดมาตลอดเพื่อให้ทันกับข้อเท็จจริงหรือเหตุการณ์ที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆตามกาลเวลา ซึ่งสามารถแบ่งได้ออกเป็น 2 หลักใหญ่ๆคือ การคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคล และ จริยธรรมของนักวิชาชีพ

การคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคล(La protection des droits de la personne) ซึ่งแบ่งออกได้เป็น

·        การคุ้มครองความลับในชีวิตส่วนตัว(la protection du secret de la vie privée) The PCC คุ้มครองความมีชีวิตส่วนตัวในครอบครัว เคหสถานและรวมถึงข้อมูลส่วนตัวที่เกี่ยวกับสุขภาพด้วย นักสื่อสารมวลชนจะทำได้ก็ต่อเมื่อได้รับการยินยอม

·        การคุ้มครองเด็กและเยาวชน(la protection de l’enfance et l’adolescence) The PCC คุ้มครองถึงเยาวชนอายุ16ปี ในชีวิตส่วนตัวของเขาและรวมถึงเวลาที่เขาอยู่ในสถานศึกษาด้วย เว้นแต่จะได้รับการอนุญาตจากผู้ปกครอง และหากการกระทำการดังกล่าวถูกทำขึ้นในสถานศึกษาก็ต้องได้รับการอนุญาตจากผู้ที่มีอำนาจในสถานศึกษาดังกล่าว

·        การคุ้มครองผู้ที่อ่อนแอ(la protection des personne vulnérables) หมายถึงบุคคลที่ได้รับอาการตกใจจากเหตุการณ์ร้ายแรงที่เกิดขึ้น  ผู้ป่วย คนพิการ ผู้เสียหายจากกรณีทางเพศ นักหนังสือพิมพ์ต้องทำงานกับบุคคลเหล่านี้ด้วยความระมัดระวังและความเข้าใจ นักหนังสือพิมพ์ต้องไม่ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับตัวบุคคลเหล่านี้ จนทำให้บุคคลรอบข้างสามารถรู้ได้ว่าผู้เสียหายเหล่านี้เป็นใคร

                 

จริยธรรมของนักวิชาชีพ(Les obligations déontologiques des journalistes) เช่น

การให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ตรงกับความจริงแก่สาธารณะชน, ห้ามนักหนังสือพิมพ์หาข้อมูลด้วยวิธีที่ไม่ถูกกฎหมาย, ห้ามใช้กล้องที่มีเลนส์ซูมเพื่อแอบถ่ายบุคคลในสถานที่ส่วนบุคคล หรือ ห้ามหาข้อมูลโดยการดักฟังโทรศัพท์ เป็นต้น

 

ระบบดังกล่าวอาจเทียบได้กับ Droit de réponse ของฝรั่งเศส ซึ่ง ผู้เสียหายไม่จำเป็นต้องฟ้องร้องต่อศาลเช่นกัน เพียงแค่ทำหนังสือถึงผู้ที่รับผิดชอบสำนักพิมพ์นั้นๆว่าตนถูกทำให้เสียหายและแจ้งราละเอียดว่าตนต้องการให้สำนักพิมพ์ลงข้อความแก้ไขอย่างไร   Droit de réponse ที่ใช้กับสื่อสิ่งพิมพ์นั้นค่อนข้างเปิดกว้าง ผู้เสียหายเรียกร้องได้ หากตนถูกทำให้เสียหายจากข้อความที่ตีพิมพ์  ไม่ว่าจะเป็นการวิจารณ์ กล่าวหา หมิ่นประมาท หรือตีพิมพ์ข้อมูลที่ผิดพลาดหรือคลาดเคลื่อนต่อความเป็นจริง  การปฎิเสธไม่ลงข้อความแก้ไขมีโทษปรับถึง3750ยูโร และศาลสามมารถบังคับไห้ตีพิมพ์ข้อความดังกล่าว สำนักพิมพ์จะปฎิเสธการลงข้อความแก้ไขได้ก็ต่อเมื่อข้อความ( la réponse)นั้นขัดต่อกฎหมาย ศีลธรรม กระทบต่อบุคคลที่สาม หรือเป็นการกระทบต่อเกียรติของวิชาชีพนักหนังสือพิมพ์

เริ่มแรกนั้นมีผลบังคับใช้แค่หนังสือพิมพ์หรือสิ่งพิมพ์ Périodique (l’art 13 de la loi du 29 juillet 1881) ต่อมาในปี1986  Droit de réponse  ครอบคลุมไปถึงสื่อวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ (la loi du 30 septembre 1986) แต่การบังคับใช้กฎหมายนั้นแคบกว่าหนังสือพิมพ์หรือสิ่งพิมพ์  ผู้เสียหายจะเรียกร้องได้ก็ต่อเมื่อตนทำให้ถูกเสียหายโดยการกล่าวหาว่าร้าย หรือหมิ่นประมาทต่อเกียรติยศชื่อเสียงเท่านั้น การปฎิเสธการแพร่ภาพหรือกระจายเสียงข้อความแก้ไข (la réponse) ก็ไม่มีโทษทางอาญา แต่ศาลสามามารถบังคับให้แพร่ภาพหรือกระจายเสียงข้อความแก้ไข (la réponse) ได้

 

อายุความสำหรับ Droit de réponse  คือ 3เดือนนับจากสื่อได้มีการตีพิมพ์สำหรับสื่อสิ่งพิมพ์ (La loi du 15 juin 2000) หรือนับแต่สื่อได้มีการกระจายเสียงหรือแพร่ภาพสำหรับสื่อวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์

จะเห็นว่าระบบการควบคุมสื่อของทั้งสองประเทศนั้นมีทั้งความเหมือนและความแตกต่างกัน แต่จุดมุ่งหมายอันเดียวกันคือระบบดังกล่าวต้องการคุ้มครองผู้ที่ถูกทำให้เสียหายจากสื่อได้เรียกร้องสิทธิของตนในการแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้องด้วยวิธีที่ง่ายและรวดเร็วกว่าการฟ้องร้องต่อศาลนั่นเอง 

 

 

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทความได้ที่
กระทู้ห้อง "เนื่องมาจากเรื่องอยากเล่า"

 

(กลับไปหน้าแรก) / (กลับไปสารบัญบทความ)

สงวนลิขสิทธิ์ © 2003 
งานเขียนแต่ละชิ้นเป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียนแต่ละท่าน 

ตั้งแต่ 6 ตุลาคม 2546 (version 2 เริ่ม 26 มีนาคม 2547)