ศัพท์กฎหมายฝรั่งเศส

Internet pour le droit

เรื่องอยากเล่า

Salon d'Aix

webboard

คุยกับดอกแก้ว

จดหมายเหตุ


 

ดู TV ฟังวิทยุ อ่าน นสพ.
การ Set เพื่อพิมพ์ไทย
โทรกลับไทย IRADIUM
โทรกลับไทย Telerabais


ที่ตั้งและแผนที่ Aix
การเดินทางและตารางรถ

ตารางรถประจำทางใน AIX
ตารางรถไป Marseille และ Plan de campagne
ตารางรถPays d'Aix ไป Plan
    สภาพอากาศประจำวัน
    ที่ Aix-en-Provence


Webboard

Thaiaixois Gallery
ศัพท์กฎหมายฝรั่งเศส
Internet pour le droit
เรื่องอยากเล่า (วิชาการ)
สภากาแฟ Salon d'Aix
คุยกับดอกแก้ว
จดหมายเหตุ
ส่ง e-cartes  virtuelles d'Aix-en-Provence

(กระทู้)การขอทุนเรียนที่ฝรั่งเศส

การปรับหลักสูตรมหาวิทยาลัยของฝรั่งเศส

คู่มือศึกษาต่อในประเทศฝรั่งเศส (โดยสารสนเทศการศึกษาต่อต่างประเทศ)

คู่มื่อเลือกมหาวิทยาลัยในฝรั่งเศส( Guide Lamy des 3es cycles)

โรงเรียนสอนภาษาฝรั่งเศส IEFEE


มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในฝรั่งเศส

มหาวิทยาลัยใน Aix
Université de Provence 
Université de la Mediterranee

Université Paul Cézanne (Universitéde Droit, d'Economie et des Sciences d'Aix-Marseille3)

สถาบันศึกษาอื่น


ที่พักอาศัย
 - ที่พักของมหาวิทยาลัย
( CROUS)

ที่พักของเอกชน
 
- (Estudines)
 
-  (Citadine)  
 -
หาที่พักกับ adele.org
 - หาที่พักกับ office de tourisme
 - พักที่บ้านพักเยาวชน(Auberge de jeunesse)

การขอเงินช่วยเหลือค่าที่พัก(CAF)


การติดต่อที่จำเป็น

การติดต่อขอใบอนุญาตพักอาศัยในประเทศ(Carte de sejour)
 - เอกสารที่ต้องใช้ 1/ 2 /3
 - ติดต่อ
Prefecture des Bouches-du-Rhone
 - (กระทู้Thaiaixoisที่เกี่ยวข้อง)

การประกันสุขภาพ
 - การติดต่อประกันสุขภาพ
Securite sociale)
 - MEP ประกันสุขภาพของนักเรียน(อายุไม่เกิน 25 ปี)
 - Assurance étudiant (อายุไม่เกิน 40 ปี)

อื่น ๆ
 - การทำงานนอกเวลา
 - การต่ออายุหนังสือเดินทาง


ลิงค์เพื่อนบ้าน
Thai Law Reform
สมาคมนักเรียนไทยในรั่งเศส
เพื่อนไทยในเกรอนอบ
เพื่อนไทยในตูลูส
เพื่อนไทยในลียง

ABC-Bittorrent Client โดย pingpong
เพื่อนไทยในเบลเยี่ยม
สำนักงานผู้ดูแลนักเรียนฯ
เล่าข้ามฟ้ากับนาย Baguette
Pokpong's
Nujern's homepage
Café Lunar

Cafe Lunar สาขา 2
Le Journal de TAUNG
Artsstudio

 

 

การยกหลักการทางกฎหมายงบประมาณของฝรั่งเศสให้เป็นหลักการทางรัฐธรรมนูญ

(La constitutionnalisation du droit budgétaire français)

 

เอื้ออารีย์ อิ้งจะนิล

                

                แม้รัฐธรรมนูญฉบับปี 1958 จะเพิ่มหลักการควบคุมความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของกฎหมายตามมาตรา 61[1] แต่ผลของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เห็นชัดเป็นรูปธรรมภายหลังปี 1974[2]  ซึ่งทำให้กฎหมายหลายฉบับต้องถูกตีความโดยคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ  โดยเฉพาะกฎหมายวิธีการงบประมาณปี 1959 เนื่องมาจากกฎหมาย(Ordonnace)ฉบับนี้ออกโดยฝ่ายบริหารทำให้ต่างไปจากการออกกฎหมายตามปกติที่เป็นอำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติ ( la nature supra-législative)   รวมทั้งในแต่ละปี กฎหมายการคลังและงบประมาณหลายฉบับต้องถูกยื่นต่อคณะตุลาการรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ด้วยเหตุนี้คำวินิจฉัยของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญจึงมีส่วนสำคัญในการตีความต่อหลักการทางกฎหมายงบประมาณและการเงิน

                วิวัฒนาการนี้ได้เปลี่ยนแปลงความเคยชินของสมาชิกรัฐสภาและรัฐบาล จากเดิมที่ไม่ค่อยเคารพต่อหลักการทางกฎหมายการคลังและงบประมาณต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น เนื่องจากต่อนี้ไปกฎหมายดังกล่าวสามารถถูกยกเลิกด้วยเหตุที่ขัดกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญได้

                แต่ถึงแม้ว่ากฎหมายงบประมาณจะถูกควบคุมความชอบด้วยรัฐธรรมนูญเช่นกฎหมายในลำดับพระราชบัญญัติฉบับอื่น ๆ แต่กฎหมายงบประมาณกลับมีลักษณะในการถูกควบคุมแตกต่างออกไป เนื่องจาก

- หลักการพื้นฐานของกฎหมายงบประมาณเกือบทั้งหมดมีค่าในระดับรัฐธรรมนูญ

- กระบวนการในการควบคุมกฎหมายงบประมาณมีความแตกต่างและมีความซับซ้อนในการตีความมากกว่ากฎหมายประเภทอื่น

                ด้วยเหตุนี้ความพยายามทำให้หลักทางกฎหมายงบประมาณเป็นหลักการในทางรัฐธรรมนูญของประเทศฝรั่งเศสจึงอาจมองได้เป็น 2 ประเด็น ได้แก่ขอบเขตทางรัฐธรรมนูญของกฎหมายงบประมาณ และลักษณะเฉพาะในการควบคุมกฎหมายงบประมาณ

 

ก.      ขอบเขตทางรัฐธรรมนูญของกฎหมายงบประมาณ

แม้ว่ากฎหมายรัฐธรรมนูญปี 1958 จะกล่าวถึงกฎหมายงบประมาณเพียงไม่กี่มาตรา แต่หลักการของกฎหมายงบประมาณส่วนใหญ่มีค่ามาจากหลักในทางรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้เนื่องมาจากแหล่งที่มา (la source) ของกฎหมายงบประมาณไม่ได้เกิดจากคำพิพากษาของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญหรือจากกฎหมายรัฐธรรมนูญเท่านั้น แต่ยังมาจากกลุ่มลำดับศักดิ์กฎหมาย (bloc de constitutionnalité) (1) และความหลากหลายของหลักงบประมาณในทางรัฐธรรมนูญซึ่งมีอยู่แล้ว (2)

 

 

  (1)  กลุ่มลำดับศักดิ์กฎหมายซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 2  ประเภทคือ

 1 มาจากหลักทางรัฐธรรมนูญโดยตรง ได้แก่ อารัมภบทและบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญปี 1958

  เป็นที่น่าประหลาดใจว่า เราไม่สามารถพบหลักการพื้นฐานของกฎหมายงบประมาณในรัฐธรรมนูญปี 1958 นอกเหนือไปจากมาตรา 34 ซึ่งกล่าวถึงนิยามของกฎหมายงบประมาณ และมาตรา 47 กล่าวถึงระยะเวลาในการปรับใช้กฎหมายงบประมาณ ด้วยเหตุนี้อารัมภบทของรัฐธรรมนูญปี 1958[3] จึงเป็นแหล่งสำคัญทางรัฐธรรมนูญของกฎหมายงบประมาณ จากตรงนี้เองส่งผลให้ปฏิญญามนุษยชนและพลเมืองของฝรั่งเศสเมื่อปี 1789 (La Déclaration des Droit de l’Homme et les Citoyens 1789) มีบทบาทสำคัญในการเป็นฐานทางรัฐธรรมนูญของกฎหมายงบประมาณซึ่งจะกล่าวในลำดับต่อไป

2 เป็นหลักในพระราชบัญญัติ ซึ่งได้แก่ พระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณลงวันที่ 2 มกราคม 1959 (L’ordonnance du 2 janvier 1959 portant loi organique relative aux lois de finances) [4]  และพระราชบัญญัติว่าด้วยกฎหมายวิธีการงบประมาณปี 2001[5] (La loi organique du 1 août 2001 relative aux lois de finances 2001)

พระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณปี 1959 และพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณปี 2001 จัดได้ว่าเป็นกฎหมายที่สำคัญมาก เนื่องจากไม่ใช่เฉพาะเพียงขยายเนื้อหาของกฎหมายงบประมาณในบทรัฐธรรมนูญเท่านั้น แต่ยังถือว่าเป็นศูนย์รวมกฎหมายการคลังและการงบประมาณของรัฐ ที่เกี่ยวกับเนื้อหา การจัดการและหน้าที่ของอำนาจรัฐอีกด้วย

 

(2) ความหลากหลายของหลักงบประมาณในทางรัฐธรรมนูญ หลักการเหล่านี้ฝ่ายนิติบัญญัติต้องเคารพ รวมถึงและโดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาล ซึ่งได้แก่หลักทางเนื้อหา (Les règles de fonds) และหลักทางกระบวนการ (Les règle de procédure)

สำหรับหลักการทางเนื้อหาของกฎหมายงบประมาณ หลักที่สำคัญหลักการแรก ได้แก่ หลักความยินยอมในการเสียภาษี ตามมาตรา14 ของปฏิญญามนุษยชนและพลเมืองของฝรั่งเศสปี 1789 นอกจากนี้คณะตุลาการรัฐธรรมนูญยังได้ยกมาตรา 6 [6]ของปฏิญญาฉบับเดียวกันนี้ ซึ่งว่าด้วยหลักความเสมอภาคทางกฎหมาย วินิจฉัยถึงความไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญของหนึ่งในมาตราของกฎหมายงบประมาณปี 1974 ซึ่งว่าด้วยเรื่องการจัดทำระบบแตกต่างระหว่างบรรดาผู้เสียภาษี (les contribuables) ที่อยู่ภายใต้กระบวนการเสียภาษี  หรือหลักความเท่าเทียมของพลเมืองที่ต้องรับภาระรายจ่ายของรัฐ ตามมาตรา 13 [7] รวมไปถึงมาตรา 8 ว่าด้วยเรื่องของหลักความได้สัดส่วนในการลงโทษและหลักกฎหมายไม่มีผลย้อนหลัง ซึ่งกรณีหลังนี้ปรับใช้มากในคดีเกี่ยวกับภาษี

นอกจากหลักดังกล่าวข้างต้นแล้ว รัฐบาลในฐานะเป็นผู้จัดทำงบประมาณประจำปียังต้องเคารพหลักความเป็นอันหนึ่งอันเดียวของงบประมาณ (le principe de l’unité) หลักลักษณะทั่วไปของรายได้ (le principe de l’universalité) หลักระยะเวลาหนึ่งปีของงบประมาณ  (le principe de l’annualité) หลักรายได้ต้องเฉพาะเจาะจง ( le principe de la spécialité) หลักดุลยภาพ (le principe de l’équilibre) และหลักสุจริต[8] (le principe de sincérité budgétaire)

 

ในกรณีหลักทางกระบวนการ ได้มีปรากฎอยู่ในรัฐธรรมนูญปี 1958  ดังนี้

-                              ตามมาตรา 34  การออกกฎหมายงบประมาณกำหนดรายได้และค่าใช้จ่ายของรัฐ ต้องออกเป็นพระราชบัญญัติ

-                              ร่างงบประมาณต้องยื่นต่อสภาผู้แทนราษฎร ตามมาตรา 39  ผลจากมาตรานี้การอนุมัติงบประมาณต้องเริ่มที่สภาผู้แทนราษฎรก่อนเสมอ ต่างไปจากการรอนุมัติกฎหมายธรรมดาที่สามารถเริ่มโดยวุฒิสภาก่อนก็ได้

-                              สมาชิกรัฐสภาถูกลดอำนาจลง โดยข้อกำหนดทางรัฐธรรมนูญมาตรา 40 กำหนดว่าห้ามสมาชิกรัฐสภาแปรญัตติเพิ่มรายจ่ายหรือลดรายได้ และห้ามสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอภิปรายเรื่องอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวกับร่างกฎหมายงบประมาณ

-                              ร่างกฎหมายงบประมาณต้องลงมติอนุมัติภายในระยะเวลาที่กำหนด มิฉะนั้นต้องปรับใช้มาตรา 47 ซึ่งกำหนดว่าถ้ารัฐสภาไม่ประกาศใช้กฎหมายงบประมาณภายใน 70 วันนับแต่ที่มีการเสนอร่างต่อรัฐสภาแล้ว รัฐบาลมีอำนาจออกพระราชกำหนดให้ใช้งบประมาณนั้นได้

 

ข.      การเคารพกฎหมายงบประมาณในทางรัฐธรรมนูญ

ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นของหลักกฎหมายงบประมาณในสาธารณะรัฐที่ 5 นี้ ไม่ได้มีเพียงแต่การเพิ่มหลักในทางรัฐธรรมนูญของกฎหมายงบประมาณเท่านั้น แต่หลักดังกล่าวได้รับการรับประกันมากขึ้นจากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่พยายามพัฒนาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของกฎหมายงบประมาณโดยผ่านทางคำพิพากษา  อย่างไรก็ดีการควบคุมนี้มีลักษณะที่หลากหลาย อันประกอบด้วยกระบวนการพิเศษในการควบคุมหลักรัฐรรมนูญของกฎหมายงบประมาณ (1) และคำพิพากษาที่มีลักษณะเฉพาะด้วยเหตุผลจากปัญหาที่เกิดจากการปรับใช้และการตีความในแต่ละหลักเกณฑ์ทางงบประมาณ (2)

(1)                ลักษณะพิเศษในการควบคุมกฎหมายงบประมาณ ปรากฏในกฎหมายรัฐธรรมนูญอยู่หลายมาตรา เช่นมาตรา 41 และ 37 วรรค 1 ซึ่งรับประกันการแบ่งอำนาจระหว่างกฎหมายซึ่งออกโดยฝ่ายนิติบัญญัติ (la loi) และกฎหมายที่ออกโดยฝ่ายบริหาร (le règlement) กรณีมาตรา 47 เป็นบทลงโทษโดยอัตโนมัติต่อรัฐสภา คือจะเสียอำนาจในการอนุมัติงบประมาณ ในกรณีที่ไม่ให้ความเห็นชอบร่างกฎหมายงบประมาณภายในกำหนดเวลา 70  วัน แต่ที่สำคัญที่สุด ได้แก่การควบคุมที่ตามมาตรา 61 วรรค 2 โดยเฉพาะตั้งแต่ปี 1974  เป็นต้นมา คำวินิจฉัยเกี่ยวกับกฎหมายงบประมาณเกือบทั้งหมดมาจากการยื่นโดยสมาชิกรัฐสภาตามมาตราดังกล่าว ในทางปฏิบัติพระราชบัญญัติงบประมาณถูกยื่นต่อตุลาการรัฐธรรมนูญทุกปี บ่อยครั้งในกรณีพระราชบัญญัติแก้ไขงบประมาณ (la loi de finances rectificatives) และน้อยครั้งในกรณีพระราชบัญญัติสรุปการใช้งบประมาณ (la loi de règlement)

 

(2)                การตีความต่อหลักกฎหมายงบประมาณทางรัฐธรรมนูญ เกือบทุกมาตราของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณปี 1959 ได้ถูกตีความโดยคำพิพากษาของตุลาการรัฐธรรมนูญ ในที่นี้จะกล่าวถึงคำพิพากษาในหลักการสำคัญ

การตีความเกี่ยวกับเนื้อหาและการเสนอร่างกฎหมายงบประมาณ

-                              ตามมาตรา 1 ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณปี 1959 ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณต้องประกอบด้วยเนื้อหาของงบประมาณที่แท้จริงเท่านั้น ด้วยเหตุนี้กรณีอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับร่างกฎหมายงบประมาณ (les cavaliers budgétaires) หากได้รับการอนุมัติ พระราชบัญญัติจะขัดกับความชอบด้วยรัฐธรรมนญ ปัญหานี้ได้รับการยื่นต่อตุลาการรัฐธรรมนูญโดยสมาชิกรัฐสภาอยู่เสมอ และมักได้รับคำวินิจฉัยว่าขัดกับรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตามหากเป็นการละเมิดที่ไม่ร้ายแรง ตุลาการรัฐธรรมนูญจะไม่เคร่งครัดมากนัก การตีความของตุลาการรัฐธรรมนูญในเรื่องนี้จึงเป็นลักษณะกว้าง

-                              มาตรา 42 ของพระราชบัญญัติเดียวกัน ห้ามแปรญัตติแก้ไขเพิ่มเติมร่างกฎหมายงบประมาณ ยกเว้นเป็นการแปรญัตติเพื่อลดภาระรายจ่าย หรือเพิ่มรายได้ของรัฐ หรือเพื่อการควบคุมรายจ่ายของรัฐ การละเมิดต่อมาตรานี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งดังเช่นในกรณีมาตราแรก  แต่ครั้งนี้ตุลาการรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอย่างเคร่งครัด และแม้ว่าประเด็นนี้จะไม่ได้ถูกร้องโดยสมาชิกรัฐสภา ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญก็มีอำนาจที่จะยกปัญหาในกรณีดังกล่าวขึ้นมาวินิจฉัยเองได้[9] นอกจากนี้ยังได้วินิจฉัยว่ามาตราดังกล่าวปรับใช้ทั้งกับสมาชิกรัฐสภาและรัฐบาล[10] รวมทั้งคำนิยามของการควบคุมรายจ่ายสาธารณะ (le contrôle des dépenses publiques) นั้นมีความหมายถึงภาระรายจ่ายของรัฐ (les seules charges de l’Etat) เท่านั้น[11]

-                              แต่ทั้งนี้อนุญาตให้รัฐบาลสามารถแก้ไขร่างกฎหมายงบประมาณนอกเหนือจากกรณีแรกได้ภายใต้เงื่อนไขต้องเป็นกรณีมาตรการทางการเงิน (une mesure financière) เท่านั้น และรวมถึงต้องทำเป็นกระบวนการรายงานการแก้ไข (la lettre rectificative)[12]ด้วย

 

การตีความในหลักการลงมติเพื่ออนุมัติกฎหมายงบประมาณ

-                              ตุลาการรัฐธรรมนูญตีความค่อนข้างกว้างในมาตรา 39 ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณปี 1959 ซึ่งเกี่ยวกับระยะเวลาในการพิจารณาภาคแรกของร่างกฎหมายงบประมาณโดยสมาชิกวุฒิสภา  สามารถเลยระยะเวลาที่กำหนดได้ 15-20 วัน[13]

-                              ในทางตรงกันข้าม ตุลาการรัฐธรรมนูญตีความอย่างเคร่งครัดในกรณีมาตรา 40 คือสมาชิกรัฐสภาต้องลงมติอนุมัติกฎหมายงบประมาณในภาคแรกก่อนที่จะมาลงมติในภาคที่สอง[14] อย่างไรก็ดีการแปรญัตติแก้ไขเพิ่มเติมร่างกฎหมายงบประมาณในภาคแรก สามารถกระทำได้ในระหว่างการพิจารณาภาคสอง ไม่ถือว่าขัดกับมาตราดังกล่าว[15]

 

การพยายามทำให้กฎหมายวิธีการงบประมาณของฝรั่งเศสเป็นหลักในทางรัฐธรรมนูญตามเนื้อหาข้างต้น เห็นได้ว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีบทบาทสำคัญ ในการพยายามวางหลักคำพิพากษาเพื่อช่วยแก้ไขความยากในการตีความหรือช่องว่างระหว่างหลักรัฐธรรมนูญและหลักการงบประมาณ ในขณะเดียวกันก็เสริมค่าในทางรัฐธรรมนูญเข้าไปด้วย ถือได้ว่าเป็นความสำเร็จ และยังมีผลให้สมาชิกรัฐสภาและรัฐบาลต้องเคารพต่อหลักและกระบวนการในทางงบประมาณมากขึ้นกว่าในอดีต อย่างไรก็ตาม แม้ว่าบทกฎหมายเกี่ยวกับวิธีการงบประมาณเกือบทั้งหมดจะได้รับการปรับใช้และถูกตีความ แต่บางหลักก็ไม่สามารถปรับได้ทันต่อสภาพหรือรูปแบบงบประมาณสมัยใหม่ เหตุนี้จึงจำเป็นต้องจัดทำพระราชบัญญัตวิธีการงบประมาณขึ้นใหม่ และมีผลบังคับใช้อย่างจริงจังเมื่อต้นปี 2005 ที่ผ่านมา สำหรับการปรับใช้และการตีความของพระราชบัญญัติฉบับนี้จะเป็นอย่างไร คงต้องติดตามคำพิพากษาของตุลาการรัฐธรรมนูญกันต่อไป

  


 

[1] มาตรา 61ของรัฐธรรมนูญปี  1958 ‘ก่อนทีจะมีการประกาศใช้กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ และก่อนที่จะมีการบังคับใช้ข้อบังคับการประชุมสภา ให้ส่งร่างข้อบังคับดังกล่าวไปยังคณะกรรมการตุลาการรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของร่างกำหมายและร่างข้อบังคับดังกล่าวเสียก่อน

[2]เนื่องมาจากรัฐธรรมนูญฉบับแก็ไขเพิ่มเติม ลงวันที่ 29  ตุลาคม 1974 ในมาตรา 61 วรรค  2 ซึ่งให้สมาชิกรัฐสภา ได้แก่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนหกสิบคน หรือสมาชิกวุฒิสภาจำนวนหกสิบคน สามารถร้องขอต่อคณะตุลาการรัฐธรรมนูญเพื่อให้วินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของร่างพระราชบัญญัติได้

[3] อย่างไรก็ดีในช่วงก่อนปี 1970 ปฏิญญามนุษยชนและพลเมืองของฝรั่งเสสเมื่อปี 1789.และอารัมภบทของรัฐธรรมนูญฉบับปี 1946 ถูกมองว่าเป็นเรื่องของปรัชญาทางการเมืองและไม่ใช่หลักกฎหมายที่จะสามารถนำมาปรับใช้ได้โดยตรง แต่ความคิดนี้ได้เปลี่ยนไปหลังจากคำพิพากาาของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญวันที่ 19 มิถุนายน 1970 ในเรื่องสนธิสัญญาสหภาพยุโรป และเสรีภาพในการจัดตั้งสมาคมวันที่ 16 กรกฎาคม  1971รวมทั้งคำวินิจฉัยเกี่ยวกับภาษี วันที่ 27 ธันวาคม 1973

[4] แม้ว่าชื่อของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณปี 1959 จะสร้างความสงสัยต่อลำดับศักดิ์ของกฎหมายฉบับนี้ เนื่องจากออกดดยอาศัยอำมาจตามมาตรา 46 อย่างไรก็ดีคณะตุลาการรัฐธรรมนูญได้ให้คำตอบไว้ในคำพิพากษาวันที่ 15 มกราคม1960 ว่ามีค่าสูงกว่าพระราชบัญญัติ.และไม่สามารถละเมิดต่อหลักความชอบด้วยรัฐธรรมนูญได้ และคำพิพากษาวันที่  11สิงหาคม 1960 ฝ่ายนิติบัญญัติต้องเคารพบทบัญญัติในพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณปี 1959 เช่นเดียวกับที่ต้องเคารพบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ 1958

อย่างไรก็ตามพระราชบัญญัติฉบับนี้ได้ถูกยกเลิกไปเมื่อต้นปี 2005 ที่ผ่านมา

[5] เริ่มใช้ตั้งแต่ 1 มกราคม 2002 และมีผลใช้บังคับแทนพระราชบัญญัติงบประมาณปี  1959 ทั้งหมดเมื่อวันที่  1 มกราคม 2005 ที่ผ่านมา

[6] คำพิพากษาวันที่ 27 ธันวาคม 1973

[7] คำพิพากษาวันที่ 16 มกราคม 1986 และ 28 ธันวาคม 1990 : อย่างไรก็ดีมาตรานี้ไม่เชิงเป็นแหล่งทางรัฐธรรมนูญของกฎหมายงบประมาณโดยตรง แต่เป็นแหล่งทางรัฐธรรมนูญของกฎหมายภาษีมากกว่า

[8] ซึ่งเป็นหลักการใหม่ที่เกิดจากคำพิพากษาของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเมื่อปี 1994 และหลักนี้ได้ถูกบัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณปี 2001 อีกด้วย

 [9] คำวินิจฉัยที่ 73-51 วันที่  27 ธันวาคม 1973

[10] คำวินิจฉัยที่ 76-74 วันที่  28 ธันวาคม 1976

[11] คำวินิจฉัยที่ 64-27 วันที่  18 ธันวาคม 1964

[12] คำวินิจฉัยที่ 78-100 วันที่  29 ธันวาคม 1978

[13] คำวินิจฉัยที่ 71-43  วันที่ 17 มิถุนายน 1971

[14] คำวินิจฉัยที่ 79-110 วันที่  24 ธันวาคม 1979

[15] คำวินิจฉัยที่ 84-154  วันที่  29 ธันวาคม 1982

 

 

บรรณานุกรม

 

 

FAVOREU L.,PHILIP L.,Les grandes décisions du Conseil Constitutionnel, Dalloz, 2003.

PHILIP L. Finances Publiques,Cujas,1995.

PHILPI L., La constitutionnalisation de droit budgétaire, Etudes de Finances publiques, Economica, 1989.

 

 

 

คลิ้กเพื่อแสดงความเห็นเกี่ยวกับบทความ

 

(กลับไปข้างบน) / (กลับไปหน้าแรกเรื่องอยากเล่า) / (กลับไปหน้าแรก)

สงวนลิขสิทธิ์ © 2003 
งานเขียนแต่ละชิ้นเป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียนแต่ละท่าน